แนะนำโครงการ "สมุทรสาครสีเขียว"

สมุทรสาครสีเขียว

มูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้ริเริ่มโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อสุขภาวะองค์รวม หรือ “โครงการสมุทรสาครสีเขียว” จากการสนับสนุนงบประมาณของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนและสถานประกอบการอาศัยอยู่ร่วมกันได้ โดยสนับสนุนให้เกิดการปรับปรุงการจัดการปัญหามลพิษและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเพื่อสุขภาวะของประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร ด้วยการสร้างความร่วมมือของภาคีต่างๆ จากภาครัฐ เอกชน สถาบันวิชาการ และประชาชนในพื้นที่ในการขับเคลื่อนนโยบายการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เข้มแข็งและการส่งเสริมการปรับปรุงสุขภาวะของประชาชนในระดับท้องถิ่น  เน้นความยั่งยืนของของการแก้ปัญหาในจังหวัดสมุทรสาคร

วัตถุประสงค์ของโครงการสมุทรสาครสีเขียว คือ

  1. เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมและการขยายตัวของชุมชน โดยการบูรณาการทรัพยากรจังหวัดสมุทรสาครในการแก้ไขปัญหา
  2. เพื่อริเริ่ม สนับสนุนกลไก และมาตรการติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังมลพิษ ที่สนับสนุนให้เกิดการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
  3. เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน แรงงานต่างด้าว องค์กรปกครองส่วน  ท้องถิ่น และภาคเอกชน ให้เกิดเครือข่ายการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

นอกจากนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศยังได้รับการสนับสนุนให้ดำเนินการโครงการเพื่อพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการจากส่วนกลาง สถาบันวิชาการภายในจังหวัด นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ  ภาคประชาสังคม โรงเรียน วัด สถานประกอบการ และชุมชนในพื้นที่สมุทรสาคร เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนและการแก้ปัญหามลพิษของจังหวัดสมุทรสาครในด้านต่างๆ ได้แก่


การริเริ่มโครงการและแนวทางการทำงาน

“สมุทรสาคร” เป็นจังหวัดชายทะเลติดอ่าวไทยที่มีความร่ำรวยและหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนพื้นดินและชายฝั่งทะเล และอยู่ติดกับกรุงเทพมหานคร ที่นี่จึงเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาที่รวบรวมเอาความหลากหลายของภาคส่วนต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งภาคอุตสาหกรรม การประมงและกิจการเกี่ยวกับอาหารทะเล การเกษตรและเขตอนุรักษ์  ศาสนสถาน แหล่งประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าชายเลน ดังคำขวัญว่า “สมุทรสาคร เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์”  สมุทรสาครจึงกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศ

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาที่เติบโตรวดเร็วและกลายเป็นภาพลักษณ์โดดเด่นของสมุทรสาครคือ เมืองที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น มีการจราจร-การขนส่งคับคั่ง และมีชุมชนแรงงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว จังหวัดสมุทรสาครได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีจำนวนแรงงานต่างด้าวสูงที่สุดของประเทศ ที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 นี้จะมีประชากรที่เป็นแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่ในสมุทรสาครถึงเกือบสี่แสนคน

ปัจจุบันสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนราว 6,000 แห่ง  ประกอบด้วย โรงงานแปรรูปอาหารทะเลและกิจการอาหารแช่แข็ง โรงงานฟอกย้อม โรงงานหล่อหลอมโลหะและอโลหะ โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ โรงงานสิ่งทอ โรงงานกระดาษ โรงงานคัดแยกและฝังกลบของเสีย โรงงานรีไซเคิลพลาสติกและของเสียอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ  การเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคอุตสาหกรรมและการขยายของชุมชนเมืองที่ขาดการวางผังเมืองที่ดี และการขาดการควบคุมมลพิษและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสมุทรสาครเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นแหล่งมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลพิษจากน้ำเสีย ปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น และเสียง ปัญหามลพิษจากมูลฝอยและของเสียอันตรายจากภาคอุตสาหกรรม และปัญหามลพิษอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลคุกคามรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนมากขึ้น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจึงได้ประกาศให้จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเขตควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา เพื่อให้หน่วยงานราชการและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในอนาคต

นอกจากการจราจร-การคมนาคมที่คับคั่ง โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบที่มีอยู่ตลอดเวลาภายในเขตพัฒนาอุตสาหกรรมของจังหวัดแล้ว จังหวัดสมุทรสาครยังมีความสำคัญในฐานะเมืองที่เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการขนส่งระหว่างภาคตะวันออก ภาคตะวันตก กรุงเทพมหานคร และภาคใต้ด้วย รัฐบาลจึงได้ทุ่มเทงบประมาณหลายหมื่นล้านบาทเพื่อขยายถนนพระรามสอง ปรับปรุงและเพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมากในปัจจุบัน ปัจจุบันถนนพระรามสอง ซึ่งเป็นถนนสายหลักของการคมนาคมและการขนส่งคราคร่ำและเนืองแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะจำนวนมาก จำนวนรถยนต์ทุกประเภทที่จดทะเบียนในจังหวัดสมุทรสาครสะสมจนถึงปี 2557 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 237,801 คัน ส่งผลให้เกิดมลพิษอากาศและฝุ่นควันรุนแรง ที่นอกเหนือไปจากการปล่อยมลพิษอากาศของโรงงานอุตสาหกรรม

พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครจึงเป็นจังหวัดอันดับต้นๆ ที่มีประสบปัญหารุนแรงจากฝุ่นละออง PM2.5 เนื่องจากความหนาแน่นของมลพิษอากาศที่ปล่อยจากโรงงานอุตสหกรรมหลายพันแห่ง โดยเฉพาะโรงงานหล่อหลอม โรงงานรีไซเคิลของเสียและพลาสติก รวมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิลหลายประเภทที่ใช้ตามโรงงานต่างๆ  ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในวัยประถมศึกษา ซึ่งมีภูมิต่อต้านน้อย ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลให้เจ็บป่วยเรื้อรังในระยะยาวได้ เนื่องจากฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ที่เราอาจจะมองเห็นเป็นหมอกควันขมุกขมัว ที่จริงแล้วเกิดจากการรวมตัวกันของฝุ่นและละอองสารเคมีที่มีขนาดเล็กมากโดยเฉพาะสารที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ เช่น โลหะหนักอย่างตะกั่ว ปรอท และสารหนู ที่จะก่อให้เกิดโรคทางระบบประสาท สารก่อมะเร็ง เช่น สารกลุ่มพีเอเอ็ช (polycyclic aromatic hydrocarbons, PAH) สารก่อการกลายพันธุ์ อย่างไดอ๊อกซิน (dioxin) นอกจากนี้ยังอาจจะมีเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนร่วมอยู่ด้วยอีกหลายตัว เป็นต้น

มูลนิธิบูรณะนิเวศได้สำรวจและศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหามลพิษในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครระหว่างเดือนสิงหาคมถึง ธันวาคม 2561 โดยการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ หน่วยงานราชการในส่วนท้องถิ่น บุคลากรด้านสาธารณสุข ตัวแทนสถานประกอบการภายในจังหวัด นักวิชาการและครู และตัวแทนประชาชน เกี่ยวกับการริเริ่มกิจกรรมการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของอำเภอเมืองสมุทรสาครและตำบลใกล้เคียงเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาให้จังหวัดสมุทรสาครเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงบูรณาการ ซึ่ง  ผลการวิเคราะห์แรงผลักดันที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาวะและปัจจัยที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย

แรงผลักดัน:  การเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องของจังหวัดตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นโดยจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีกรอบนโยบาย แนวทางและเครื่องมือเฉพาะเจาะจงในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษของพื้นที่ มาตรการทั่วไปที่ใช้ในการกำกับดูแลสถานประกอบการคือ การกำกับและการควบคุม (command and control) อย่างหลวมๆ ไม่เข้มงวด ประการสำคัญคือ ไม่มีการกำกับติดตามต่อเนื่อง ไม่มีมาตรการกำกับให้มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพและลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด  อย่างไรก็ดีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีและการลดการปล่อยมลพิษมีต้นทุนดำเนินการที่สูงเกินความสามารถของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก ขณะเดียวกันหน่วยงานผู้รับผิดชอบส่วนท้องถิ่นยังขาดขีดความสามารถด้านทรัพยากร งบประมาณ  ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

•      การมีแผนขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ที่เฉพาะเจาะจงในการบริหารจัดการพื้นที่สิ่งแวดล้อมต่อเนื่องและระยะยาว เช่น แผนแม่บทการจัดการมลพิษ 10 ปี และแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรสาคร

•      การดำเนินงานในรูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ต่างตระหนักถึงภาวะความเสี่ยงทางสุขภาพจากปัญหามลพิษมากขึ้น

•    การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก และการปรับเปลี่ยน
ภูมิทัศน์

•      การมีโครงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ก่อมลพิษกับชุมชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

 

แรงผลักดัน: ผู้ก่อมลพิษขาดแรงจูงใจที่จะปรับเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่สะอาดกว่า หากไม่ได้รับแรงกดดันทางสังคมและการกำกับที่จริงจังขึ้นจากภาครัฐ

ปัจจัยที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

•      การเสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามตรวจสอบ เช่น การจัดทำแผนที่จุดกำเนิดมลพิษ

•      การจัดตั้งหน่วยเฝ้าระวังและตรวจสอบ (Third party) ที่มีความโปร่งใสและทันต่อสถานการณ์

•      การสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีต้นแบบ (prototype technology) และการสนับสนุนที่ปรึกษาด้านวิชาการ การฝึกอบรมผู้ประกอบการ ศึกษาดูงาน และเครือข่ายผู้ประกอบการในพื้นที่

•      การพัฒนาโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อมโดยความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในรูปแบบ Big brothers และในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน

 

แรงผลักดัน:  ผู้ที่ได้รับผลกระทบมักเป็นประชาชนกลุ่มที่ยากจนหรือขาดอำนาจต่อรอง ไม่มีการรวมตัวอย่างจริงจังและไม่มีข้อมูล รวมถึงเครื่องมือและความรู้ความเข้าใจการติดตามตรวจสอบผลกระทบ แต่มีความต้องการให้มีการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของพื้นที่

ปัจจัยที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูมลพิษ

•      การสร้างความสามารถในการรับมือและจัดการกับปัญหามลพิษท้องถิ่น เช่น การพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับมลพิษท้องถิ่นให้กับโรงเรียน วัด ศาสนสถาน การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และแรงงานต่างด้าว

•      การเชื่อมโยงและพัฒนาข้อมูลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพระดับจังหวัดและท้องถิ่น และเครือข่ายสิ่งแวดล้อมเมือง เช่น ศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมระดับเมือง ท้องถิ่นและชุมชน ศูนย์เฝ้าระวังและประสานการจัดการด้านมลพิษ จังหวัดสมุทรสาคร (Pollution Monitoring Center – PMC)

•      การมีกิจกรรมสาธารณะด้านการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เช่น โรงเรียนสีเขียว วัดสีเขียว ศาสนสถานสีเขียว ตลาดสีเขียว มีเวทีสาธารณะ มหกรรมสุขภาพ ตลาดนัดแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีสะอาด รวมทั้งการจัดเวทีสุขภาพประจำปี

 

ปัญหาที่ผู้มีส่วนได้เสียได้สะท้อนออกมาและเรียงตามลำดับความสำคัญ มีดังนี้

   อันดับหนึ่งคือ ปัญหาน้ำเสียจากอุตสาหกรรม

   อันดับสองคือ ปัญหาของเสียจากอุตสาหกรรม

   อันดับสามคือ ปัญหามลพิษทางอากาศและขยะจากชุมชน

   อันดับสี่คือ ปัญหาน้ำเสียจากบ้านเรือน

   อันดับห้าคือ ปัญหาสารพิษปนเปื้อนจากการเกษตร

 

การขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงให้จังหวัดสมุทรสาครมุ่งไปสู่ความยั่งยืนและเป็นเมืองน่าอยู่

มีแนวทางสำคัญดังนี้