ทหารงัด ม.44 เรียกนายกอบต.น้ำพุ เข้าพบ อ้างปลุกปั่นชาวบ้าน หลังร้องโรงงานขยะปล่อยสารเคมี (20 พ.ค. 59)
ประชาไท 20 พฤษภาคม 2559
ทหารงัด ม.44 เรียกนายกอบต.น้ำพุ เข้าพบ อ้างปลุกปั่นชาวบ้าน หลังร้องโรงงานขยะปล่อยสารเคมี
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.20 น. ไพฑูรย์ ปัตตนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) น้ำพุ และ ธนู งามยิ่งยวด ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.เจษฎา เปรมนิรันดร ผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุม/ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 1 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี หลังทหารอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 (ม.44) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 ให้เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามมีอำนาจหน้าที่ออกคำสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม หรือมาให้ถ้อยคำได้ โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ
ธนู ซึ่งเดินทางมาตามคำสั่งมาตรา 44 กล่าวว่า ได้มีมาตรา 44 เรียกให้ตนเข้าพบ พล.ต.เจษฎา เนื่องจากกล่าวหาว่า ตนได้ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความแตกแยก กรณีร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนที่โรงงานรีไซเคิลขยะปล่อยน้ำสารเคมีปนเปื้อนใต้ดิน ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องออกมาร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็มาถูกทหารใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้มาพบ ซึ่งในวันที่ 8 มิ.ย.59 ที่จะถึงนี้ ตนจะนำรายชื่อชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องน้ำใต้ดินเสีย และมีการร้องเรียนมานานกว่า 16 ปีแล้ว ยื่นร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาที่ จ.ราชบุรี ด้วย
ด้าน ไพฑูรย์ อบต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี กล่าวว่า เราเป็นผู้นำก็ต้องดูแลประชาชน มีเรื่องร้องเรียนก็ต้องมาหาเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจึงไม่อยู่นิ่ง แต่อยู่ดีๆ ก็โดนมาตรา 44 ก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อบ้านเมืองในตอนนี้ แล้วก็ได้มีหนังสือโดยใช้มาตรา 44 ก็น้อยใจเนื่องจากตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตนไม่ได้บิดเบือน และเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน ซึ่งวันนี้ก็ยินดีที่จะมาพบ และยินดีที่มาชี้แจง และได้เตรียมเอกสารมาครบ
โดยผู้จัดการออนไลน์ ยังรานยงานด้วยว่า การมารายงานตัวของ ไพฑูรย์ และธนู ในครั้งนี้ ทางหน่วยงานทหารไม่ยินยอมให้สื่อเข้ารับฟัง และนายธนู ถือเป็นชาวบ้านรายแรกที่ถูกใช้มาตรา 44 เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาถึง 16 ปี ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ปัญหาเรื่องของน้ำเสียก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และลุกลามลงไปยังน้ำใต้ดิน แม้ว่าจะมีหน่วยงานที่นำน้ำไปตรวจหาสารปนเปื้อน และแจ้งผลมาว่า ห้ามชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภค และน้ำใต้ดินที่เสียก็กำลังขยายผลกว้างออกไปเรื่อยๆ แต่จนถึงตอนนี้ หน่วยงานภาครัฐก็ยังคงเดินหน้าตรวจสอบผลของน้ำ แต่ยังไม่มีการแก้ปัญหาให้แก่ชาวบ้านจึงต้องออกมาร้องเรียน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารต้องนำมาตรา 44 มาใช้