โรงไฟฟ้าเก่าเฮได้ต่ออายุ 5-7 ปี (15 ต.ค. 57)
ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 15 ตุลาคม 2557
โรงไฟฟ้าเก่าเฮได้ต่ออายุ 5-7 ปี
โรงไฟฟ้าเก่าได้เฮ เรกูเลเตอร์ ร่างเงื่อนไขต่ออายุโรงไฟฟ้าที่หมดสัญญารับซื้อไฟฟ้าออกไปอีก 5-7 ปี หวังลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่มีปัญหา คาดสรุปได้ไม่เกินพ.ย.นี้ เตรียมบรรจุอยู่ในแผนพีดีพีใหม่ ขณะที่โรงไฟฟ้าระยองของเอ็กโก 1.2 พันเมกะวัตต์ มีลุ้นได้ต่อสัญญาอีก 5 ปี รอกกพ.กดปุ่ม ฟากนักวิชาการขานรับ แต่ประสิทธิภาพและค่าไฟฟ้าต้องแข่งขันได้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)เรกูเลเตอร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ กกพ.อยู่ระหว่างการร่างเงื่อนไขการต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่หมด อายุ ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก(เอสพีพี) เนื่องจากระเบียบเดิมในการรับซื้อไฟฟ้านั้น ไม่มีการกำหนดให้มีการต่อสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งกกพ.เห็นว่า หากมีการต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าเกิดขึ้นมาได้ จะช่วยลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เพราะปัจจุบันการหาสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าค่อนข้างยาก และมีอุปสรรคในการคัดค้านเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในเงื่อนไขดังกล่าว จะกำหนดให้โรงไฟฟ้าที่หมดอายุลง สามารถต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าออกไปได้อีก 5-7 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าโรงไฟฟ้าที่หมดอายุแล้ว จะได้รับการต่อสัญญาทั้งหมด เพราะจะต้องพิจารณาถึงศักยภาพของโรงไฟฟ้า รวมถึงประสิทธิภาพในการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าต้องไม่แย่ไปกว่าโรงไฟฟ้าที่ ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และค่าไฟฟ้าไม่เป็นภาระให้กับประชาชน
"การออกเงื่อนไขเพื่อต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าเก่า เพราะเห็นว่ามีบางโรงประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้ายังได้อยู่ ก็ต้องไปพิจารณาว่าโรงไฟฟ้าที่จะต่อสัญญาสามารถเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ออกมาหรือไม่ อย่างกรณีของโรงไฟฟ้าระยอง ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน)หรือเอ็กโก ที่จะหมดสัญญาลงในสิ้นปีนี้ กกพ.ก็กำลังตัดสินใจว่าจะต่ออายุสัญญาไปอีกหรือไม่ โดยที่ผ่านมาทางเอ็กโกยื่นหนังสือเพื่อต่อสัญญาไปอีก 5 ปี ดังนั้นจะต้องดูถึงต้นทุน ซึ่งราคารับซื้อจะต้องไม่แพงกว่าโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งเงื่อนไขที่กำหนดมานี้ คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ และจะประกาศพร้อมกับแผนพีดีพีฉบับใหม่ที่จะเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีฉบับใหม่ต่อไป" นายวีระพล กล่าวว่า
แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะมีโรงไฟฟ้าเอสพีพีและไอพีพีที่จะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 28โรง กำลังการผลิตรวม 4 พันเมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าเอสพีพีจำนวน 25 โรง กำลังการผลิตรวม 1.787 พันเมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไอพีพีจำนวน 3โรง กำลังการผลิตรวม 2.25 พันเมกะวัตต์ ได้แก่โรงไฟฟ้าระยอง 1.2 พันเมกะวัตต์ ซึ่งจะหมดอายุสัญญาในสิ้นปีนี้ โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ 700 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าบริษัท อีสเทิร์น เพาเวอร์ แอนด์ อิเล็คทริค จำกัด หรือ EPEC จำนวน 350 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม มองว่าข้อดีของการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าเก่า จะช่วยให้อัตราการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ลดลง เนื่องจากของเก่ายังสามารถยืดอายุการใช้งานได้ ซึ่งควรใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็มีข้อเสียคือโรงไฟฟ้าเก่าจะมีเทคโนโลยีที่แข่งขันกับเทคโนโลยีใหม่ยาก ดังนั้นต้องคำนึงถึงราคารับซื้อที่เหมะสม ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชนมากนัก
นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่ทาง กกพ. เตรียมออกกติกาเพื่อต่ออายุโรงไฟฟ้าเก่าที่จะหมดสัญญาขายไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าบางแห่งแม้ว่าจะเดินเครื่องมาแล้วมากกว่า 20 ปี แต่ก็ยังมีศักยภาพผลิตไฟฟ้าได้อีก 5 ปี โดยปัจจุบันต้องยอมรับว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศไทยเกิดขึ้นยาก ดังนั้นการนำโรงไฟฟ้าเก่ามาทบทวนก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งสำคัญคือต้นทุนราคารับซื้อไฟฟ้าจะต้องไม่แพงกว่าโรงไฟฟ้าใหม่
สำหรับกรณีโรงไฟฟ้าระยองของเอ็กโก ที่จะหมดสัญญาภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าน่าจะได้รับการพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่นกัน เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวยังมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าได้ แม้ว่าจะมีอายุ 25 ปีก็ตาม อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกโรงไฟฟ้าทาง กกพ. จะเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป
ดร.รักไทย บูรพ์ภาค อาจารย์พิเศษวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าเห็นด้วยที่ กกต.เตรียมออกกติกาเพื่อต่ออายุโรงไฟฟ้าเก่าที่จะหมดอายุสัญญาทั้งเอสพีพี และไอพีพี แต่ควรพิจารณาเป็นรายๆ เพราะแม้ว่าบางโรงจะหมดอายุแต่ยังสามารถปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อผลิตไฟฟ้า ต่อไปได้อีก 5-6 ปี แต่ก็มีบางโรงที่ประสิทธิภาพต่ำไม่สามารถแข่งขันกับโรงไฟฟ้าใหม่ๆได้ หากรับซื้อในส่วนนี้ก็อาจมีราคาแพง เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าใหม่ ดังนั้นการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าเก่าต้องกำหนดกติกาที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้ กระทบค่าไฟ รวมทั้งต้องสอดคล้องกับแผนพีดีพีด้วย