ปตท.เล็งผุดท่อส่งก๊าซแอลพีจี (1 ต.ค. 57)
ฐานเศรษฐกิจ ออนไลน์ 1 ตุลาคม 2557
ปตท.เล็งผุดท่อส่งก๊าซแอลพีจี
ปตท.เล็งผุดโครงการท่อส่งก๊าซแอลพีจี เส้นแรกของประเทศ จากศรีราชาไปสระบุรี หวังลดต้นทุนขนส่ง เผยอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมและวงเงินลงทุน พร้อมลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นแล้ว เพื่อเตรียมการล่วงหน้า ก่อนชงเป็นนโยบาย หากเดินหน้าได้ คาดจะแล้วเสร็จในปี 2561 เป็นอย่างช้า "กรมธุรกิจพลังงาน" ยังหวั่นความปลอดภัย และความต้องการใช้
นาย สรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ ปตท. อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้โครงการลงทุนท่อขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ความยาวกว่า 250 กิโลเมตร จากคลังเขาบ่อยาอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มายังจังหวัดสระบุรี เนื่องจากปัจจุบันต้องขนส่งแอลพีจีด้วยรถยนต์และรถไฟเป็นหลัก ทำให้มีต้นทุนในการขนส่งค่อนข้างสูง หากโครงการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก็เชื่อว่าจะช่วยลดต้นทุนขนส่งลงได้ในระยะ ยาว และยังสามารถช่วยให้การขนส่งก๊าซแอลพีจีมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับคลังแอลพีจีภูมิภาคที่กระจายอยู่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ มีขีดความสามารถในการจ่ายก๊าซแอลพีจี ไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ในแต่ละปี เช่น คลังก๊าซบางจาก จ่ายก๊าซได้เพียง 6.9 หมื่นตันต่อเดือน คลังก๊าซขอนแก่น 3.6 หมื่นตันต่อเดือน คลังก๊าซนครสวรรค์ 1.9 หมื่นตันเดือน และคลังก๊าซลำปาง 2.6 หมื่นตันเดือน ทำให้ต้องมีการขนส่งจากคลังก๊าซบ้านโรงโป๊ะกระจายไปยังภูมิภาคโดยตรง
สำหรับความคืบหน้าดังกล่าว ขณะนี้ได้มีการเริ่มลงพื้นที่เตรียมการล่วงหน้าที่จะสร้างความเข้าใจกับ ประชาชนในพื้นที่ที่มีท่อก๊าซแอลพีจีพลาดผ่าน ก่อนที่จะมีการนำเสนอกระทรวงพลังงานในเชิงนโยบายต่อไป ประกอบกับต้องรอความชัดเจนแผนขยายท่าเรือและคลังเก็บแอลพีจีเฟส 2 ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนหลังจากปี 2560 ไปแล้ว ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการรับก๊าซแอลพีจีนำเข้าเพิ่มเป็น 5 แสนตันต่อเดือน จากปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายท่าเรือและคลังเก็บแอลดีจีที่เขาบ่อยาเฟส 1 จากเดิม 1.3 แสนตัน ต่อเดือน เพิ่มเป็น 2.5 แสนตัน วงเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2558 ส่วนเงินลงทุนท่อขนส่งแอลพีจีนั้น ยังอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขว่าจะใช้เท่าไร และมีความเหมาะสมคุ้มทุนหรือไม่ที่จะลงทุนดังกล่าว
"แนวคิดดังกล่าวมาจากความต้องการใช้แอลพีจีภาคเหนือและอีสานที่เติมโตขึ้น หากลงทุนท่อ ในระยะยาวก็จะช่วยลดต้นทุนขนส่งได้ แต่จะคุ้มหรือไม่เพราะการขนส่งทางรถยนต์และรถไฟก็ยังสามารถดำเนินการได้อยู่ แม้ว่าตอนนี้จะมีต้นทุนสูงและการลงทุนท่อก็ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีข้อสรุป ว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ภายในปี 2558 และหากลงทุนก็คาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณปี 2560-2561 ซึ่งถือว่าเป็นโครงการท่อส่งก๊าซแอลพีจีเส้นแรกของประเทศไทย"นายสรัญ กล่าว
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กรมยังไม่ได้รับรายงานโครงการท่อขนส่งแอลพีจีของ ปตท. ซึ่งเท่าที่ทราบยังอยู่ช่วงศึกษาความเป็นไปได้ เพราะ ปตท.เองก็ยังไม่มั่นใจว่าปริมาณแอลพีจีที่ขนส่งไปยังภาคเหนือและอีสาน มากพอที่จะสร้างท่อหรือไม่ โดยต้องยอมรับว่าการลงทุนท่อต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อกิโลเมตร
ขณะเดียวกันส่วนตัวยังค่อนข้างกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะการก่อสร้างท่อก๊าซแอลพีจีจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่เหมือนกับท่อน้ำมันหรือท่อก๊าซ ดังนั้น ปตท.ต้องมีมาตรการบำรุงรักษาอย่างดี อย่างไรก็ตามหากโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยลดต้นทุนขนส่งทางรถยนต์ และมีความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องรอทาง ปตท. รายงานกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
"ปัจจุบันความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้นำเข้าประมาณ 1.6-1.7 แสนตันต่อเดือน ขณะที่ความต้องการใช้แอลพีจีในภาคเหนือและอีสาน อาจยังไม่มากพอที่ ปตท.จะต้องเร่งก่อสร้างท่อในเร็วๆนี้ โดยทางกรมต้องกลับมาดูมาตรการด้านความปลอดภัยและการควบคุมดูแล เพราะแอลพีจีเป็นน้ำ หากรั่วจะกลายเป็นไอและติดไฟง่าย"นายวิฑูรย์ กล่าว