ดัน'นิคมกำจัดขยะ'นำร่องมาบตาพุด (1 ต.ค. 57)
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 1 ตุลาคม 2557
ดัน'นิคมกำจัดขยะ'นำร่องมาบตาพุด
“จักรมณฑ์” เล็งตั้งนิคมฯกำจัดขยะอุตสาหกรรม นำร่องนิคมฯมาบตาพุดและภาคกลาง ส่งกนอ- กรอ. ศึกษารูปแบบความชัดเจน
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังเยี่ยมชมบริษัท อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการกำจัดขยะ คัดแยก ฝังกลบขยะ และบำบัดน้ำเสียโดยวิธีชีวภาพ ว่า ปัญหาขยะอุตสาหกรรมเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ ที่ต้องเร่งแก้ไข ที่ผ่านมามีการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้งในบ่อขยะชุมชน โดยเฉพาะในส่วนของขยะอุตสาหกรรมมีพิษ ซึ่งที่มีปริมาณปีละ 3 ล้านตัน แต่มีการกำจัดถูกต้องครึ่งหนึ่ง บางส่วนก็นำไปรีไซเคิล
ดังนั้นจึงควรวางแนวทางการกำจัดกากในระยะยาว โดยจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมกำจัดขยะอุตสาหกรรมขึ้น เพื่อรวบรวมธุรกิจกำจัดขยะอุตสาหกรรมทั่วไป ขยะมีพิษ และของเสียต่างๆที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสะดวกในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม มีรูปแบบการกำจัดขยะอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง มีสาธารณูปโภคที่สามารถบำบัดขยะทุกประเภทได้อย่างครบวงจร เพื่อลดปัญหาการต่อต้านจากชุมชน เบื้องต้นควรตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีอุตสาหกรรมหนาแน่น เช่น พื้นที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 1 แห่ง และพื้นที่ภาคกลาง 1 แห่ง เพื่อความสะดวกการขนส่ง และการดูแล
ทั้งนี้ ได้สั่งให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รูปแบบการดำเนินการ รวมทั้งศึกษาแนวทางกำจัดกากอุตสาหกรรมในยุโรป ที่มีเทคโนโลยีการกำจัดที่มีประสิทธิภาพ สามารถตั้งอยู่ภายในชุมชนได้ และไม่ส่งผลกระทบ ต่อชุมชนโดยรอบ โครงการนี้จะต้องใช้เวลาในการศึกษาซึ่งอาจจะไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมให้ถูกวิธีและมีความยั่งยืน
ขณะเดียวกัน นายจักรมณฑ์ เป็นประธาน ส่งออกรถยนต์ ซูซูกิ รุ่นเซเลรีโอ ซึ่งเป็นอีโคคาร์รุ่นที่ 2 ของซูซูกิ ที่มีฐานผลิตในไทย เพื่อส่งออกไปยังยุโรป มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 หมื่นคันต่อปี โดยตั้งเป้าส่งออกไปยังตลาดยุโรปปีละ 3 หมื่นคัน รวมถึงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1 หมื่นคันภายในปี 2559 เพื่อรองรับโครงการอีโคคาร์เฟส 2
ส่วนแนวโน้มการผลิตรถยนต์ปีนี้ คาดว่าจะสามารถส่งออกรถยนต์ได้ประมาณ 1.2 ล้านคัน ส่วนปีหน้าคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านคัน เนื่องจากจะมียอดกำลังการผลิตอีโคคาร์ในเฟสที่ 1 เต็มที่ รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนรถยนต์ที่ส่งออกไปยังยุโรปมีมาตรฐานเครื่องยนต์สูงถึงระดับ ยูโร 5 มีคุณภาพสูงสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลก ส่วนโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 คาดว่าจะมีค่ายรถยนต์เข้ามาร่วมโครงการเกือบ 10 ราย เป็นทั้งรายเก่าที่เข้าร่วมในอีโคคาร์เฟส 1 ที่ขอเข้าร่วมในโครงการอีโคคาร์เฟส 2
นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่าทางค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ได้ให้ความมั่นใจในโครงการรถยนต์อีโคคาร์ เฟส 2 มาก เพราะว่าโครงการเฟส 1 รัฐบาลมีความชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย คาดปีนี้จะมียอดการผลิตตามเป้าหมายรวม 2.1 ล้านคัน เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1.2 ล้านคัน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 แสนคัน
ส่วนปี 2558 คาดว่าจะมียอดการผลิตรวม 2.4 ล้านคัน เป็นการส่งออก 1.4 ล้านคัน และจำหน่ายในประเทศ 1 ล้านคัน ส่วนเป้าหมายการผลิตรถยนต์ให้ได้ 3 ล้านคันในปี 2560 ยังคงมีความเป็นไปได้ เพราะจะมียอดรถยนต์จากโครงการอีโคคาร์ 2 เข้ามาเพิ่มอีกมาก