สรรพชีวิตข้างโรงงานที่อ่างทอง (23 ก.ย. 67)

 

 

คนกลัวฝน..ฝนที่มาพร้อมกลิ่นโรงงาน
 


“เหม็น…เหม็นแบบแสบคอ คล้ายๆ พวกกลิ่นกำมะถันเอาไปเผาไฟ พูดง่ายก็คือเหม็นไหม้แล้วแสบคอ แล้วเวียนหัว แน่นหน้าอก ถ้าเป็นช่วงที่อากาศกด ไม่มีลม จะลงที่บ้านเต็มๆ เหม็นแบบสุดๆ”
 


ชายวัยกลางคน ร่างกายซูบผอม บอกเล่าอธิบายถึง ‘กลิ่น’ ที่เขาและครอบครัวต้องเผชิญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นชะตากรรมหนึ่งในหลายมิติที่ชาวบ้าน ต.จำปาหล่อ ต.โพสะ ต.นรสิงห์ ต.บ้านอิฐ ต.เอกราช และตำบลอื่นๆ ในอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ต่างประสบร่วมกัน ในฐานะผู้มีโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเพื่อนบ้าน
 


“ช่วงเช้า แล้วก็ช่วงที่ลมฝนมา ก่อนฝนจะตก พอลมฝนมาจะมีกลิ่นมาแล้ว แล้วก็กลางคืน กลางคืนจะเป็นช่วงที่เราไม่หลับ ตี 1 ตี 2 จะบ่อยมาก เพราะผมจะเป็นคนนอนหัวค่ำแล้วตื่นตอนดึก ผมหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหงื่อแตกหมดทั้งตัว พักนี้จะเป็นบ่อย”
 


ดูเหมือนกลิ่นที่ว่ามีเวลาเข้าออกราวกับตอกบัตรเข้างาน มันมาตามนัดในช่วงเช้าและกลางคืน โดยจะมาพร้อมเสียงโครมครามของเครื่องจักร
 


ยามวิกาลที่มนุษย์ควรหลับนอน กลับต้องมาทนกลิ่นทนเสียง คนบ้านใกล้โรงงานคาดเดาว่าคงเพราะอยู่ในช่วงเร่งการผลิต
 


จากนั้น เขาเล่าย้อนความทรงจำช่วงสามเดือนที่ผ่านมา วันหนึ่งมีกลิ่นเหม็นจากโรงงาน ตัวเขาอยู่ที่บ้าน เมื่อได้กลิ่นก็เกิดอาการวิงเวียนและอาเจียนออกมา ทำให้กินอะไรไม่ได้ เขาฝืนกิน แต่ก็อาเจียนออกมาอีก
 


ผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์ เขาตัดสินใจไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลป่าโมก เพราะกินข้าวไม่ค่อยได้ แล้วน้ำหนักลดลงต่อเนื่องร่วม 10 กิโลกรัม เขาไม่แน่ใจว่าป่วยเป็นอะไร สุดท้ายเข้าห้องฉุกเฉิน ใส่ท่อออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจ ระหว่างนั้นเขาเหงื่อแตกตลอดเวลา มีอาการเหนื่อยหอบ หมอแจ้งว่าเขามีภาวะปอดอักเสบและออกซิเจนในเลือดต่ำ
 


“ไม่เคยนอนโรงบาลเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจหนักขนาดนี้ หมอบอกปอดอักเสบ ปอดติดเชื้อ ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่ามาตรฐาน”
 


เขาหยิบยาพ่นสำหรับโรคหอบหืดมาให้ดู ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องใช้เป็นประจำชนิดขาดไม่ได้ในตอนนี้ เขาบอกว่าถ้าอาการเยอะหน่อยก็เดือนละสองหลอด ถ้าปกติที่ใช้ก็คือหนึ่งหลอดต่อเดือน สำหรับลักษณะที่เรียกว่าอาการเยอะคือหายใจไม่ออก
 


ในเรื่องอาชีพการงาน เขาทำงานเกี่ยวกับการต่อเติมโครงเหล็ก ดังนั้น เมื่อมีอาการป่วยเรื้อรังก็ส่งผลทำให้ทำงานได้น้อยลง หรือบางครั้งทำงานไม่ได้เลย ทุกวันนี้จึงต้องรับงานที่ไม่หนักมาก
 


ในขณะที่โรงงานเร่งการผลิต ตัวเขากลับทำงานได้น้อยลง นับว่าเป็นวิถีที่สวนทางกันอย่างชัดเจน
 


ทุกวันนี้เวลาเห็นเมฆฝนหรือฟ้าครึ้ม เขายอมรับว่ารู้สึกกลัว แต่ไม่ได้กลัวฝน หากแต่กลัวกลิ่นที่จะลอยมาตามลม อีกความรู้สึกที่ควบคู่มาด้วยกันคือความกังวลห่วงใย
 


“กลัว…กลัวเหม็น เรามีหลานเล็กๆ 2 คน เป็นเด็กผู้หญิง เราก็กลัว ขนาดเราเป็นคนโต เรายังหายใจไม่ค่อยออก แล้วเด็ก ภูมิต้านทานมันจะต่างกัน”
 


เรื่องเล่านี้เป็นเสียงสะท้อนของมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องผจญกับปัญหาเรื้อรังมายาวนาน และไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียวที่ต้องทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบที่ไม่เอื้อให้คนอยู่อย่างมีสุขภาพที่ดีเช่นนี้
 


ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศยังมีเรื่องราวของ “ชีวิตอื่นๆ” ที่เป็นผู้จำต้องเผชิญผลกระทบของโรงงานแห่งเดียวกันนี้ที่จะนำเสนอต่อไป
 


เรื่องและภาพถ่ายโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ