การทำร้าย “แผ่นดิน” ณ กลางดง (1 มิ.ย. 67)

 

 

กรณีปัญหามลพิษในพื้นที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แทบไม่ปรากฏเป็นข่าวในส่วนกลางเลย ทั้งที่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีผลต่อความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เช่นกัน
 


ไม่ว่าจะเป็นการเกิดเหตุไฟไหม้ภายในโรงงานถึง 2 ครั้ง ในช่วงปี 2564 ทางการมีการตรวจพบว่ามีการลอบฝังกากของเสียอันตรายในพื้นที่ป่าไม้ มีการถ่ายเทสารเคมีจากถังบรรจุลงบ่อและหลุมดินที่ขุดไว้รองรับโดยตรง ฯลฯ
 

 

เหตุการณ์ไฟไหม้ วันที่ 16-17 กรกฎาคม 2564

 


นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลของทางการว่า บริษัทแห่งนี้ละเมิดคำสั่งหยุดประกอบกิจการด้วยการยังคงประกอบกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงงาน และมีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายประเด็น 
 


จากการเปิดเผยของวิโรจน์ ศรีสังข์ นายกเทศมนตรีเทศบาลสีมามงคล บริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง ได้เริ่มประกอบกิจการในพื้นที่มาตั้งแต่ต้นปี 2560 หลังจากนั้นก็มีการร้องเรียนเรื่องผลกระทบด้านฝุ่นและกลิ่นเหม็น มาโดยตลอด กระทั่งทางเทศบาลไม่ต่อใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตั้งแต่กลางปี 2564 และสั่งหยุดประกอบกิจการเมื่อต้นปี 2565
 

 

การลับลอบฝังกลบกากอุตสาหกรรม

 


ส่วนกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพิ่งมีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการและให้ปรับปรุงแก้ไขเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเมื่อทางโรงงานไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงเป็นที่มาของการเข้าตรวจสอบและยึดอายัดสิ่งของต่างๆ เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม 2567)
 


ในกรณีการเทสารเคมีลงหลุมดินโดยตรง ซึ่งรายการ “ข่าว 3 มิติ” ได้นำคลิปมาเปิดเผยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายกฯ วิโรจน์ เล่าว่า “ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ผมได้รับคลิปการเทสารเคมีลงบ่อที่ขุดขึ้นมา มีคนเอามาให้ผม แล้วก็เล่าให้ผมฟัง ผมก็ไม่อยากเชื่อ มันเป็นแบบนี้จริงๆ เลยหรือ เขายังบอกว่า ในโรงงานมีโกดังอยู่กี่โกดัง เจ้าของเขาให้รถแบ็กโฮขุดพื้นโกดังที่เป็นคอนกรีต ขุดให้เป็นหลุม แล้วก็ปล่อยสารเคมีลงหลุมในโกดัง พอซึมไปหมดแล้ว เอาหินคลุกลงแล้วจึงเทคอนกรีตทับครับ
 

 

เหตุการณ์ไฟไหม้ วันที่ 4 กันยายน 2564

 


“แล้วในรูปที่ออก 3 มิติของคุณมนตรียังเห็นว่า มีสายยางที่เขาปล่อยข้ามภูเขามา ภูเขานั้นเป็นป่าไม้นะครับ คนนี้ที่มาเล่าให้ผมฟังบอกว่า คือปกติการฝังกลบของเขาใช้แรงงานต่างด้าว เขาจะไม่ให้คนไทยทำเลย เขาสั่งว่าให้เอาสายยางที่มีสารเคมี เดินไปบนภูเขา ตรงไหนมีรูมีหลืบ ปล่อยลงให้หมด
 


“แล้วยังมีการฝังกลบหน้าถ้ำ มันเป็นพื้นที่ป่าไม้ ตรงภูเขาลูกนี้มีถ้ำครับ ปล่อยอะไรลงไปหายหมดครับ เหมือนกับถ้ำวิเศษ ปล่อยอะไรหายหมดเลย
 


“ปรากฏว่าตอนนี้ สารเคมีไหลมาถึงเทศบาลผมแล้ว 4 กิโล วันนั้นท่านอธิบดี (กรมโรงงานฯ) ไปประชุมถึงความคืบหน้าที่สำนักงานผม ท่านยังไปดมกลิ่นน้ำเลยครับ
 


“แล้วในเขต ต.กลางดงของเรา ทุกหมู่บ้านใช้น้ำประปาบาดาล ใช้น้ำบาดาลหมดครับ แม้กระทั่งการประปาส่วนภูมิภาคที่กลางดง ก็สูบน้ำจากใต้ดินมาทำประปา เพราะฉะนั้น อะไรจะเกิดขึ้น เราไม่รู้เลยนะครับ หรือจะอย่างที่เขาบอก ว่าเราจะตายผ่อนส่ง เมื่อก่อนผมไปสำนักงานจะเอาน้ำลูบหน้า ล้างมือ บ้วนปาก เดี๋ยวนี้ไม่กล้าทำครับ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เราล้างถ้วยล้างชามล่ะ ชาวบ้านปลูกผักล่ะ ปลูกพืชผักผลไม้ แล้วน้ำที่รดน้ำต้นไม้ อะไรจะเกิดขึ้น”
 

 

การลับลอบฝังกลบกากอุตสาหกรรม

 


วิโรจน์ย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า เขาไม่อยากเชื่อและไม่อาจเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในที่สุดก็แสวงหาคำตอบมาได้
 


“ผมเคยได้คุยกับอดีตอุตสาหกรรมจังหวัดภาคกลางจังหวัดหนึ่ง อันนี้รู้จักกันส่วนตัว ผมถามว่า พี่ มันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าโรงงานแห่งนี้ออกไปรับซื้อกากอุตสาหกรรม ไปฟันราคาในราคาที่ต่ำกว่าบริษัทอื่น แล้วก็เททิ้งอย่างเดียวครับ อันนี้ผมไม่อยากเชื่อเลยนะ แต่ลองมานึกถึง เอ๊ มันจะจริงไหม เททิ้งอย่างเดียวครับ ไม่มีต้นทุนนะ”
 


ขอบคุณภาพจากการนำเสนอของนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสีมามงคล