แหล่งกากน้ำกรด...เอกอุทัย (31 พ.ค. 67)

 

 

เมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม 2567) ในช่วงเย็น-หัวค่ำ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลเข้าค้นบริษัท เอกอุทัย จำกัด สาขาอุทัย ตั้งอยู่ที่ ต.สามบัณฑิต อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
 


ตามรายงานของมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการ “ข่าว 3 มิติ” ซึ่งเกาะติดกรณีปัญหามลพิษในเครือข่ายบริษัทเอกอุทัย ที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่หนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ด้วย ระบุว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สุ่มขุดเจาะใต้พื้นซีเมนต์ในโรงงานเอกอุทัย สาขาอุทัย ก็ได้พบว่ามีการฝังกากสารเคมีเอาไว้ข้างใต้จำนวนมาก
 


โดยทันที่ที่รถแบ็กโฮเจาะขุดพื้นดิน กรดและสารเคมีก็พวยพุ่งออกมา 
 


ปฏิบัติการนี้ดูตื่นเต้นเร้าใจและดูเฉียบขาด แต่แท้จริงกระบวนการก่อนหน้านี้ยืดย้วยมาก โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่เกิดกรณีการค้นพบว่ามีการนำเอากากอุตสาหกรรมจำนวนมากไปแอบหมดซ่อนไว้ที่โกดังใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
 

 

 


ใช้คำว่า “หมกซ่อน” ไม่ได้เกินเลย เพราะข้อเท็จจริงที่พบภายในโกดังคือ ถึงกับมีการก่อผนังอิฐปิดบังกองถังสารเคมี
 


จากโกดังภาชีจึงพบความเชื่อมโยงมายังบริษัทเอกอุทัยผ่านรถขนสารเคมีที่มีการเข้าออกบริเวณนั้น ตลอดจนหลักฐานเรื่องการเช่าว่าสัมพันธ์กับโอภาส บุญจ้นทร์ กรรมการผู้ก่อตั้งและมีอำนาจของบริษัท วิน โพรเสสฯ เจ้าของโรงงานที่หนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 
 


การเข้าตรวจบริษัทเอกอุทัย สาขาอุทัย จึงเกิดขึ้นตามมา และตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2566 บริษัทเอกอุทัย สาขาอุทัย ก็ถูก กรอ. สั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมดเป็นการชั่วคราว มีการยึดอายัดวัตถุอันตรายและสิ่งของต่างๆ มิให้เคลื่อนย้ายหรือดำเนินการใด พร้อมกับสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาภายในสิ้นเดือนนั้น 
 

 

 


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ครบกำหนดแล้วและเวลาผ่านมาอีกหลายเดือน ก็ไม่ปรากฏการแก้ไขปัญหาใดๆ โดยที่กากของเสียที่มีอยู่เป็นจำนวนมากภายในโรงงาน กรอ. ตรวจแล้วพบว่าส่วนใหญ่เป็นกากของเสียประเภทกรดแก่ มีสภาพทั้งอยู่ในภาชนะและหกเกลื่อนภายในโรงงาน อีกทั้งยังมีการปนเปื้อนออกสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำหรือนาข้าว
 


จากที่เคยมีผู้แจ้งเข้ามาทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุว่า ยังมีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและอากาศที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญและกระทบสุขภาพผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงด้วย โดยเฉพาะในบางครั้งที่เกิดเหตุสารเคมีทำปฏิกิริยาจนเกิดกลุ่มควันออกมา ซึ่งมีลักษณะเป็นควันสีส้ม
 


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีการเคลื่อนไหวใดๆ จากภาคประชาชน จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน จึงมีการรวมตัวกันทั้งส่วนของชาวบ้านและกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เรียกร้องให้การจัดการต้นกำเนิดปัญหาอากาศและน้ำเสียแหล่งนี้
 

 

 


ผลการตรวจเมื่อวานนอกจากจะทำให้ชัดเจนว่า เอกอุทัยสาขานี้ก็มีการฝังฝากสารเคมีไว้กับผืนดินแบบดิบๆ เปลือยๆ ไม่แตกต่างจากสาขาอื่น ทั้งกลางดงและศรีเทพ รวมถึงที่วิน โพรเสสฯ หนองพะวา สะท้อนถึงพฤติการณ์ลักษณะเดียวกันของคนกลุ่มเดียวกัน ที่สาขาเอกอุทัยนี้ยังเหมือนกับที่วิน โพรเสสฯ สาขาโขดหิน นั่นคือเป็นที่ตั้งของสำนักงานและโกดังเป็นหลัก มิใช่โรงงาน ดังนั้นจึงมีเอกสารหลักฐานจำนวนมากให้ยึดอายัดไปสืบสวนสอบสวนต่อ
 


สิ่งที่น่าห่วงต่อไปก็คือ มีคณะทำงานต่อที่เหมาะสมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพแล้วหรือยัง และก่อนอื่น พยานหลักฐานทั้งหลายได้รับการพิทักษ์ปกป้องเพียงพอหรือไม่
 


นี่จะเป็นอีกบทพิสูจน์ความศิวิไลซ์ของประเทศนี้ กับความเหมาะสมว่าควรได้ชื่อว่าเป็นประเทศทันสมัยและน่ามาลงทุนแล้วจริงหรือไม่
 


ภาพถ่ายโดย เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ