องค์กรสิ่งแวดล้อมทวงถาม รมต.อุตฯ กรณีโกดังกากเคมีอันตราย (17 พ.ค. 67)


 

 

องค์กรสิ่งแวดล้อมทวงถาม หลัง รมต.อุตฯ ลั่นวาจาจะเร่งรัดเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีโกดังลักลอบเก็บสารเคมีอันตราย แต่ถึงวันนี้ยังไร้ความคืบหน้า
 


จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าว่าได้มีการดำเนินการไปแล้วอย่างไร ทั้งในเรื่องการเร่งรัดเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีโกดังลักลอบเก็บสารเคมีอันตราย ที่ว่าจะให้หน่วยงานตำรวจเข้ามาตรวจสอบ รวมถึงการติดตามเส้นทางการเงินของบุคคลเหล่านี้ 
 


“เราคิดว่า ประชาชน โดยเฉพาะในหลายพื้นที่ที่เดือดร้อน ตั้งหน้ารอดูความจริงจังตามคำประกาศของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม จึงอยากถามว่า ตอนนี้ภาครัฐรู้หรือยังว่าใครคือผู้กระทำผิด หรือกลุ่มคนที่กระทำผิดในกรณีต่างๆ เหล่านี้มีใครบ้าง และพวกเขาจะถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษให้สมกับที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างที่ท่านรัฐมนตรีบอกเมื่อไร 
 


“รัฐมนตรีอุตสาหกรรมยังเคยบอกว่าจะตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สังคมอยากรู้กันมากว่า การทำธุรกิจในนามรับกำจัดบำบัดของเสียอันตรายเหล่านี้ ที่ผ่านมาพวกเขากอบโกยรายได้และผลกำไรจากการรับกำจัดบำบัดกากเหล่านี้ไปแล้วเท่าไร ในขณะที่กากจำนวนมหาศาลยังคงสุมอยู่ในโกดังและใต้ดินโดยที่ไม่ได้รับการบำบัด จนเกิดเพลิงไหม้และปล่อยมลพิษซ้ำเติมในเวลาต่อมา  ซึ่งไม่ทราบว่ารายได้เหล่านั้นของบริษัทถูกโอนย้ายต่อไปแหล่งไหนบ้าง เป็นต้น เราอยากทราบความชัดเจนเรื่องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าได้มีการประสานให้หน่วยงานไหนดำเนินการหรือยัง และมีความคืบหน้าอย่างไร
 


“นอกจากนั้น ได้มีการตรวจสอบย้อนกลับไปหรือยังว่า กากอุตสาหกรรมเหล่านี้มีต้นทางมาจากที่ใดบ้าง มีบริษัทใดบ้างที่เป็นลูกค้าที่จ้างวานบริษัท วินโพรเสสฯ และบริษัท เอกอุทัยฯ มีกากอุตสาหกรรมอะไรและจำนวนเท่าไรที่ขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดและกรมโรงงานอุตสาหกรรมในแต่ละช่วงเวลาอย่างน้อยในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา  เพื่อให้สองบริษัทนี้นำไปบำบัดหรือกำจัด แต่สุดท้ายปลายทางกลายเป็นการลอบซุกซ่อนสะสม กระทำผิดกฎหมายมานาน ไม่ต่างอะไรกับการก่ออาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม
 


“ที่สำคัญ ทางกระทรวงฯ ได้มีการสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลและอนุญาตให้ทางบริษัทขนย้ายกากจากโรงงานที่เป็นแหล่งกำเนิดเพื่อนำไปบำบัด-กำจัดอย่างต่อเนื่อง ว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หน่วยงานต่างๆ ตรวจพบว่า บริษัท วิน โพรเสสฯ ได้การกระทำผิดกฎหมายบ่อยครั้ง ชาวบ้านก็ร้องเรียนมาตลอด แต่ทำไมจึงยังอนุญาตให้ทางบริษัทขนย้ายกากอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากทางกระทรวงฯ จะตรวจสอบอย่างจริงจัง เราเชื่อว่า สามารถทำได้เลยและตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วด้วย”
 


เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนชาวหนองพะวา จ.ระยอง และในพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน เช่นที่ห้วยน้ำพุ จ.ราชบุรี และที่บ้านม่วงชุม อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ กำลังเป็นทุกข์และเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องเผชิญกับมลพิษและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และแม้ชาวบ้านในแต่ละที่ได้ต่อสู้ฟ้องร้องจนชนะคดี แต่กลับไม่มีการติดตามให้มีการบังคับตามคำพิพากษา