ร่วมเฝ้าระวังบ้านม่วงชุม และ “กลางดง” สองแหล่งหมกกากสารพิษจากฝีมือคนกลุ่มเดียวกันกับหนองพะวาและภาชี (3 พ.ค. 67)

 

 

ท่ามกลางเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บกักการสารเคมีอันตรายของบริษัท วิน โพรเสสฯ ที่ จ. ระยอง ตลอดเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้ซ้ำอีกครั้งในโกดังที่ อ. ภาชี จ. พระนครศรีอยุธยา มีประชาชนที่บ้านม่วงชุม ต. คลองกระจัง อ. ศรีเทพ จ. เพชรบูรณ์ และชาวเทศบาลสีมามงคล ต. กลางดง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ด้วยความหวาดหวั่นอย่างยิ่ง

...ในฐานะที่ทั้งสองพื้นที่ต่างก็ตกเป็นเหยื่อมลพิษของเจ้าของกากของเสียอันตรายกลุ่มเดียวกัน
 


โดยที่สำหรับพื้นที่บ้านม่วงชุม เป็นที่ตั้งของโรงงานของบริษัทเอกอุทัย จำกัด ประกอบกิจการหลุมฝังกลบของเสีย ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมานานกว่าสิบปี จนมีกองภูเขากากของเสียขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ใกล้เขตหมู่บ้าน ได้รับผลกระทบด้านมลพิษต่างๆ อย่างหนักหน่วงไม่แพ้พื้นที่อื่นๆ
 


กระทั่ง 6 พฤษภาคม 2565 ประชาชนหมู่ที่ 4 บ้านม่วงชุมได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กล่าวโทษอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (อรอ.) อุตสาหกรรมจังหวัด (อสจ.) เพชรบูรณ์ อบต. คลองกระจัง และนายก อบต. ในฐานความผิดละเลยต่อหน้าที่ รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ในกรณีการประกอบกิจการของบริษัท เอกอุทัย จำกัด สาขาศรีเทพ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่โดยปกติสุขของชุมชน 
 


คดีนี้ศาลเล็งเห็นถึงปัญหาและมีคำพิพากษาออกมาอย่างรวดเร็ว โดยวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ศาลปกครองนครสวรรค์ได้พิพากษาว่า ทั้ง 4 หน่วยงานละเลยและล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ และให้ดำเนินการระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ ภายใน 30 วัน ตลอดจนให้ อรอ. และ สอจ. ใช้อำนาจบังคับบริษัทเอกอุทัย ปรับปรุงแก้ไขปัญหา
 


ต่อมา ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 บริษัทเอกอุทัยประกาศขายกิจการที่นี่ โดยทิ้งภูเขากากของเสียขนาดเทียบเท่าตึกหลายชั้นไว้ให้ชาวม่วงชุมดมกลิ่น พร้อมทั้งปล่อยมลพิษลงแหล่งน้ำทั้งบนดินและใต้ดิน เป็นสิ่งที่ส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันชาวบ้านแถบนั้นมาจนทุกวันนี้
 


การเห็นไฟไหม้พื้นที่อื่น ทำให้ชาวม่วงชุมเสียวสันหลังตลอดเวลาว่าจะเป็นรายต่อไปเมื่อไร...
 


อนึ่ง “โอภาส บุญจันทร์” เจ้าของผู้ก่อตั้งบริษัท วิน โพรเสสฯ คือที่ปรึกษาของบริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพแห่งนี้ นอกจากนั้นมีข่าวว่า คนติดต่อเช่าโกดังที่ อ. ภาชีนั้นชื่อ “โอภาส” แต่คนให้เช่าไม่ทราบนามสกุล
 


อีกพื้นที่คือที่ ต. กลางดง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา มีโรงงานสาขากลางดงของบริษัทเอกอุทัยที่รับช่วงต่อจากโรงงานเก่าของรายอื่นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2559 ประกอบกิจการผลิตปูนขาวและเผาสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในเตาเผาปูนขาว
 


โรงงานสาขานี้เคยเกิดไฟไหม้แล้วเมื่อปี 2564 และถูกหน่วยงานท้องถิ่นสั่งให้หยุดดำเนินการในปี 2565 โดยทิ้งของเสียที่มีการลักลอบฝังไว้ในเขตป่าและอาคารหลายหลังที่สร้างโดยบุกรุกพื้นที่ป่าไม้มากกว่า 20 ไร่


 

 


ตั้งแต่ต้นปี 2566 กรมโรงงานอุตสาหกรรมภายใต้การนำของอธิบดีจุลพงษ์ ทวีศรี ได้เข้าตรวจสอบปัญหาพื้นที่นี้เพื่อดำเนินคดีและสั่งการตามกฎหมายต่อไป ขณะที่บริษัทเอกอุทัยประกาศขายกิจการที่สาขานี้เป็นแห่งแรกตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2566
 


แต่บรรดากากของเสียทั้งหลายยังคงเต็มพื้นที่ ไม่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ที่บริษัทเอกอุทัยและโอภาส บุญจันทร์ เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่หนองพะวาและภาชี
 


โดยที่ในขณะนี้กำลังทยอยเกิดเหตุไฟไหม้ไล่เรียงกันมา
 


มองไปข้างหน้า จึงนับเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งว่า สองพื้นที่นี้จะปลอดภัยได้หรือไม่ โดยเฉพาะที่ม่วงชุม ศรีเทพ ซึ่งยังไม่เคยเกิดเพลิงไหม้เหมือนพื้นที่อื่นๆ
 


ก่อนอื่นเราขออนุญาตแนะนำผู้นำและส่วนราชการท้องถิ่นทั้งสองพื้นที่ ว่าต้องเฝ้าระวังจริงจัง วางกำลังให้รัดกุม เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงๆ ท่านย่อมเป็นด่านแรกที่ต้อง “รับเละ” เบื้องต้นอาจลองถามประสบการณ์ตรงจากนายก อบต. หนองพะวาดูได้
 


ภาพถ่ายจากแฟ้มภาพมูลนิธิบูรณะนิเวศ / ขอบคุณภาพถ่ายโดรนพื้นที่ม่วงชุมจากชำนัญ ศิริรักษ์ (ทนายใหญ่)