บันทึกความรู้สึกจากพื้นที่ “เพลิงเคมี” (2) (24 เม.ย. 67)
วันที่สามในหนองพะวา 24 เมษายน 2567
ล่วงเข้าวันที่สามแล้วที่ชายผู้เป็นเจ้าของอดีตสวนยางพารา 30 ไร่ที่พังทลายลงเพราะมลพิษจากโรงงานของบริษัท วิน โพรเสสฯ ต้องเดินเข้าเดินออกคอยเฝ้าดูแนวเขตที่ดินตนเอง ด้วยความกังวลว่าจะมีเพลิงไหม้ลุกลามเข้ามายังที่ดินของตน
“เทียบ สมานมิตร” คือชื่อของเขา หากท่านใดที่กำลังสนใจหายนะจากเพลิงเคมีหนองพะวา ลองนำชื่อของเขาหย่อนลงในช่องค้นหาของ Google แล้วท่านจะรับรู้ว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา ชายผู้นี้พบพานอะไรมาบ้างในความย่อยยับทางสิ่งแวดล้อม ณ บ้านหนองพะวา
ในฐานะคนที่มีที่ดินติดกับรั้วโรงงานเก็บสารเคมีที่จมกองเพลิง สามวันที่ผ่านมา ลุงเทียบต้องคอยตอบคำถามชาวบ้านเกือบทุกชั่วโมง ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง บางทีเขาก็แอบคิดว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของชาวบ้านเช่นเขาหรือไม่ เหตุใดไม่มีหน่วยงานไหนที่ต้องกระตือรือร้นทำตัวเป็นที่พึ่งในยามคับขันให้แก่ประชาชนเลย
“ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมาถามผมตลอดเลยว่า ลุงเทียบเราจะเอายังไง เราจะต้องหนีไหม เราจะอยู่กันได้ไหม โทรศัพท์ดังตลอด เพราะเขาไม่รู้จะถามใคร”
ลุงเทียบบอกว่า ช่วงเย็นคือช่วงที่ชาวบ้านอีกหลายครัวเรือนในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบหนัก เพราะลมมันพัดย้อนมา จริงๆ ในสามวันที่ผ่านมา พวกเราชาวมูลนิธิบูรณะนิเวศที่ลงมาอยู่ในพื้นที่ ได้เอาจมูกรับและสูดกลิ่นเหล่านี้เฉกเช่นเดียวกันกับชาวบ้าน ซึ่งถ้าจมูกไม่ได้ทรยศ กลิ่นเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะอาจทนทานได้
ที่สำคัญกว่านั้นคือไม่ควรจะต้องทนใช่หรือไม่
ช่วงเช้าที่ผ่านมา ลุงเทียบพูดโดยมีฉากหลังเป็นเปลวเพลิงที่กำลังคุในอาคาร 5 ด้วยสายตาเศร้าว่า ผ่านมาสามวัน นอกจากเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิง เขาอยากเห็นคนมีอำนาจสั่งการมายืนอยู่ตรงที่เขายืน ลองมาสัมผัสสิ่งที่ชาวบ้านได้รับบ้าง
“อยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่มาควบคุม หรือคนที่มีอำนาจสั่งการได้มายืนตรงนี้ อยากให้มาอยู่ตลอดด้วย เพราะฝั่งนี้ไม่มีใครมาดูเลย ผมมาทีไรไม่เคยเจอเลย”
ในช่วงเย็นที่ผ่านมา เทียบ สมานมิตร ผิดหวังอีกครั้ง เพราะกองทัพเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้ยกขบวนเข้าไปสำรวจโรงงานในฝั่งโรงงาน ก่อนที่จะยกขบวนรถขับผ่านทางเข้าสวนของเขาไป ทั้งๆ ที่จุดที่ตั้งบ้านของเขาเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับอาคาร 5 ซึ่งเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโรงงานแห่งนี้ และมีกองถังแกลลอนขนาดสองร้อยลิตรจำนวนมากกองทับซ้อนกัน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นต้นเหตุในการส่งกลิ่นอันย่อยยับกับชาวบ้านมาตลอดสองวัน ก่อนที่จะเพิ่งสงบไปในช่วงบ่ายที่ผ่านมา
ที่จริงแล้ว ศาลจังหวัดระยองตัดสินให้ลุงเทียบและชาวบ้านอีก 14 คนที่ร่วมเป็นโจทย์ ยื่นฟ้องวิน โพรเสสฯ และพวกฐานก่อมลพิษ สร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรและที่ทำกิน ชนะคดี ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2565 แล้ว
คำพิพากษาของศาลโดยสรุปคือ จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของผู้ครองครองวัตถุอันตราย จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นตามคำฟ้องโจทก์ โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายรวม 20,823,718 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสามจะได้ร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้ง 15 เสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสามควบคุมมิให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมี พร้อมทั้งเข้าฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ของโจทก์ รวมถึงแหล่งน้ำสาธารณะ “หนองพะวา” และพื้นที่เชื่อมโยงต่างๆ ให้มีสภาพเป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ
แต่คำสั่งศาลยังไม่บังเกิดผลทางปฏิบัติใดๆ ในทุกประการ
เรื่อง/ภาพถ่ายโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ