ผลแท้จริงของการดำเนินการตามกฎหมาย จากความจริงที่ “คลองกิ่ว” ถึงกรณี “กากแคดเมียม” (8 เม.ย. 67)

 

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ข้อความ

 

 

ชวนย้อนดูผลลัพธ์ที่แท้จริงของการดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานรัฐ ต่อกรณีการกระทำความผิด/ละเมิดกฎหมายของทุนจีนเจ้าของกิจการในอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลเถื่อน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต. คลองกิ่ว อ. บ้านบึง จ. ชลบุรี ความจริงที่เกิดขึ้นที่นั่นจะทำให้เราคาดหมายได้แม่นยำขึ้นถึงบทจบของกรณีกากแคดเมียมที่กำลังอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้
 


ในการอภิปรายตอนหนึ่งของชวาล พลเมืองดี สส. ชลบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล หัวข้อ "รัฐบาลผู้สานต่อมรดกบาป คสช.” ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ชวาลได้กล่าวถึงการดำเนินการของหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลโดยตรงอย่างอุตสาหกรรมจังหวัด ต่อการประกอบการอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลเถื่อนที่ “คลองกิ่ว” ซึ่งมีทั้งการเข้าตรวจค้น จับกุม แจ้งข้อหา ยึดอายัดทรัพย์สิน ฯลฯ
 


และเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ลุกขึ้นตอบในประเด็นดังกล่าว ก็ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการของอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีที่มีการแจ้งจับและดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดมากมายหลายครั้ง จนกระทั่งมีคดีในกรณีโรงงานเถื่อนคลองกิ่วมากกว่า 5 คดี ฟังแล้วรับทราบได้ถึงการทำงานอันแข็งขัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
 


สาระและความรู้สึกหลักที่ได้จากการฟังรัฐมนตรีก็คือ การปฏิบัติงานของหน่วยราชการยังคงเป็นไปตามกลไกปกติทางกฎหมาย แม้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบกิจการรีไซเคิลและของเสียอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างเลวร้ายเพียงใด แต่กลไกรัฐยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ในร่องรอยที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีไม่ได้กล่าวต่อไปถึงผลลัพธ์ในที่สุดว่าเป็นอย่างไร แท้จริงแล้ว มีปัญหาใดที่ได้รับการแก้ไขบ้าง คนผิดต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม/ชุมชน/ประชาชนหรือไม่ ความเสียหายเหล่านี้จบไปแล้วไหม มีใครได้รับการเยียวยาชดเชยอย่างไร/เพียงใด
 


แต่ในส่วนของ สส. ก้าวไกลผู้อภิปราย เขาได้กล่าวถึงประเด็นในเชิงผลลัพธ์ของการดำเนินการอยู่บ้าง โดยระบุว่า หลังจากอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีนำกำลังเจ้าหน้าที่รัฐหลายภาคส่วน เข้าตรวจยึดเครื่องจักรและจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 แล้ว เพียงไม่นานต่อมา ผู้ต้องหา คือ ‘นายหม่า’ ก็ถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันเพียง 50,000 บาท ส่วนของกลางที่มีการอายัดไว้ มีบางส่วนหายไป โดยบางส่วนที่ว่านั้นมีน้ำหนักกว่า 3 ตัน
 


เกี่ยวกับปฏิบัติการอันแข็งขันของอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศเองก็ยังได้เคยแชร์ผลงานดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งทำให้เกิดภาพเสมือนเป็นตอนจบอันสวยสมบูรณ์ในลักษณะเดียวกับภาพยนตร์สมัยเก่า นั่นคือตำรวจมาและผู้ร้ายก็ถูกจับตัวไป
 


แต่ในความเป็นจริง ยังมีฉากต่อที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นต่อมา นั่นคือ คนร้ายได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว ตามที่ทางมูลนิธิฯ ได้ข่าวมาก่อนหน้านี้ มีบางกระแสบอกว่า ‘นายหม่า’ ถูกจับเพียงแค่ชั่วคืนเดียวเท่านั้นเอง และราคาประกันตัวคือ 5,000 บาท ซึ่งตัวเลขนี้น้อยกว่าที่ สส. ระบุถึง 10 เท่า
 


นับตั้งแต่ได้ทราบข่าวดังกล่าว ทางมูลนิธิฯ ได้พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เมื่อสอบถามไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ก็ได้คำตอบว่าไม่แน่ใจรายละเอียดเรื่องนี้ ขอให้สอบถามกับทาง สภ. คลองกิ่วโดยตรง
 


เราฝากประเด็นดังกล่าวไปกับเพื่อนสื่อมวลชนบางสำนักที่ลงทำข่าวในพื้นที่ช่วงปลายเดือนมีนาคมด้วย แต่ผลการสัมภาษณ์อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีก็ได้คำตอบไม่ต่างกัน นั่นคือไม่รู้และไม่เกี่ยว เป็นหน้าที่ตำรวจ ส่วนเมื่อถามไปทางตำรวจ สภ. คลองกิ่วไม่ให้ข้อมูลใดๆ เช่นกัน
 


ณ วันนี้ นอกจากเราจะไม่ทราบว่า ‘นายหม่า’ อยู่ที่ไหน แม้แต่ในส่วน “คดี” จะดำเนินต่อไปหรือไม่อย่างไรก็ยากที่จะติดตามเช่นกัน ส่วนกองวัตถุอันตรายของกลางที่ถูกอายัดไว้ภายในโรงงานโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หายไปได้แบบไร้ร่องรอยและไม่มีใครเดือดร้อน ในขณะที่การประกอบกิจการที่คลองกิ่วอาจยังดำเนินการอยู่ หรือกลับมาดำเนินการได้อีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา หรืออาจกำลังเล็งที่จะย้ายโรงงานไปจังหวัดอื่น
 


ภายใต้โหมดการทำงานอย่างแข็งขันในร่องปกติตามกลไกกฎหมายอย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนำเสนอให้ภาพ เราจึงไม่สามารถหวังผลหรือเชื่อมั่นได้ว่า ปัญหาจะได้รับการแก้ไขจริงและไม่เกิดซ้ำขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอย่างคลองกิ่ว หรือในกรณีของเรื่องกากแคดเมียมที่หน่วยงานรัฐต่างกำลังดำเนินการอย่าง “แข็งขัน” กันถ้วนหน้า (แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ให้ความสนใจ “สั่งการ” ออกมาแล้ว!)
 


แต่ถ้าเราต้องการความสบายใจก็คงต้องยอมเชื่อต่อไปเหมือนที่รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลโดยรวมมักชี้นำให้ประชาชนเชื่อ ว่ากลไกทั้งหลายของภาครัฐนั้นยังคงดำเนินการอยู่อย่างแข็งขัน โดยมีแนวทางและระบบที่ถูกต้องเหมาะสมดีอยู่แล้ว!?!? เพียงเท่านี้ และอาศัยเวลาสักนิด แล้วทุกอย่างก็จะราบรื่น
 


ในกรณีเรื่องกากแคดเมียมก็เช่นกัน เมื่อประชาชนกลับมาจากการฉลองวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ หน่วยงานราชการทั้งหลายก็จะ “จัดการ” จนปัญหาร้อนแรงนี้หยุดการปะทุลงไปแล้วอย่างเงียบๆ กากแคดเมียมอาจจะถูกทยอยหลอมไป หรือขายต่อ หรือฝังกลบบางส่วนในบางพื้นที่ ฯลฯ
 


เชิญชวนติดตามต่อ การแถลงของมูลนิธิบูรณะนิเวศ เพื่อตั้งประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอ พร้อมด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงเชิงลึก ในกรณีกากแคดเมียม live สดทางเพจนี้ วันอังคารที่ 9 เมษายน เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป
 


ภาพจากการนำเสนอของ สส.ชวาล พลเมืองดี