ภาคประชาสังคมพบอธิบดีกรมโรงงานฯ ย้ำ! กฎหมาย PRTR นำไปสู่การแก้ปัญหามลพิษได้จริง (3 เม.ย. 67)

 

 

 

เมื่อวานนี้ (2 เม.ย. 2567) มูลนิธิบูรณะนิเวศ และกรีนพีซ ประเทศไทย ได้เข้าพบ จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อพูดคุยแนวทางการทำงานร่วมกันในการผลักดันร่างกฎหมาย PRTR ฉบับประชาชน ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษของประเทศอย่างจริงจังในภาพรวม
 


การเข้าพบอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ทางองค์กรภาคประชาชนซึ่งเป็นผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ หรือร่างกฎหมาย PRTR มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการขอการสนับสนุนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากรัฐสภา ภายหลังจากที่ได้มีการรวบรวมรายชื่อประชาชนเกือบ 12,000 คน เป็นผู้ร่วมเสนอกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
 

 

 


เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการมีกฎหมาย PRTR ที่จะมีส่วนช่วย กรอ. ในการทำหน้าที่กำกับควบคุมและส่งเสริมการทำงานของโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะมีข้อมูลที่ครบถ้วนในการทำงาน โดย PRTR เป็นเครื่องมือสำคัญที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเรื่องของข้อมูลมลพิษมากกว่า พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ร.บ. โรงงาน และ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พร้อมกับยกตัวอย่างการปรับใช้ PRTR ของประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น 
 


เพ็ญโฉมนำเสนอด้วยว่า ถ้าหากกฎหมาย PRTR ไม่ให้ผลที่แตกต่างหรือส่งผลโดยตรงได้จริงในเรื่องของการควบคุมมลพิษและลดความเสี่ยงจากมลพิษ สหประชาชาติคงไม่สนับสนุนให้ทุกประเทศมีกฎหมายฉบับนี้ ทั้งๆ ที่แต่ละประเทศต่างก็มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ถึงกับกำหนดเป็นเงื่อนไขเฉพาะด้วยว่า ประเทศที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของ OECD จำเป็นต้องมีกฎหมาย PRTR 
 


นั่นจึงแสดงว่ากฎหมายนี้ต้องมีความสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหามลพิษได้อย่างแท้จริง ดังนั้นการผลักดันร่างกฎหมาย PRTR ถ้ามีเสียงสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
 


“เราอยากให้ช่วยกันสนับสนุน ไม่เช่นนั้นปัญหามลพิษในประเทศไทศจะแย่และรุนแรงไปกว่านี้ และเราเชื่อว่า กฎหมาย PRTR ฉบับที่ประชาชนนำเสนอนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญ เป็นเครื่องมือที่เฉพาะเจาะจง และมีผลโดยตรง รวมทั้งได้ผลเร็วในการลดผลกระทบจากมลพิษ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน” ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศกล่าว
 

 

 


ทางด้าน กรอ. ได้แลกเปลี่ยนว่า ทางกรมมีการจัดทำร่างประกาศกระทรวงฯ ที่มีลักษณะเดียวกับกฎหมาย PRTR เพื่อเป็นมาตรการในการรวบรวมข้อมูลมลพิษจากแหล่งกำเนิดภาคอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมรายการสารเคมีและสารมลพิษจำนวนมาก และเชื่อว่าเป็นร่างประกาศกระทรวงฯ ฉบับหนึ่งที่มีความครอบคลุมชนิดการปล่อยมลพิษในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยืนยันว่า กรอ. พร้อมให้การสนับสนุนและเห็นด้วยในหลักการร่างกฎหมาย PRTR ฉบับประชาชน เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม อีกทั้งมีการระบุแหล่งมลพิษที่กว้างกว่าภาคอุตสาหกรรม แต่ทาง กรอ. ยังคงมีข้อกังวลเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะกระทบภาคเอกชน 
 


อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศยืนยันว่า เรื่องการเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมาย PRTR จะไม่กระทบต่อความลับทางการค้าของภาคเอกชน และไม่ไปสั่นคลอนความสามารถทางการแข่งขันของภาคเอกชนด้วย เนื่องจากในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายต่างก็มีการใช้ระบบกฎหมาย PRTR กันทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงผ่านการพิสูจน์จนสิ้นสงสัยแล้วว่า นอกจากไม่กระทบความลับทางการค้าแลัว ยังส่งผลช่วยลดต้นทุนในการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารเคมีของทางฝ่ายอุตสาหกรรมเองด้วย
 

 

 


ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR) ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 เม.ย. 2567 ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และกรีนพีซ ประเทศไทย 

จึงขอเชิญทุกคนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อผลักดันกฎหมาย PRTR ให้เข้าสู่การพิจารณของรัฐสภา ได้ที่ >> https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php...