เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมปราจีน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดควันเคมี (9 มี.ค. 67)

 

 

 

ปราจีนบุรี - ผลการเข้าตรวจโรงงานศรีมหาโพธิ ที่ก่อกลุ่มควันสีส้ม-น้ำตาลเข้ม ยืนยันชัด โรงงานชี้แจงจุดเกิดเหตุไม่ตรงตามข้อเท็จจริง แต่เป็นจุดที่ตรงกับที่ชาวบ้านระบุ และพบการใช้กรดไนตริกในกระบวนการผลิต ขณะที่ชาวบ้านจี้เร่งตรวจสอบชี้ชัดว่า มีการใช้สารต้องห้าม และกระบวนการผลิตของโรงงานเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่


 

 


เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (08 มีนาคม) ชาวบ้านกว่า 50 คน ใน ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าทางเข้า บริษัท ที แอนด์ ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด โดยชาวบ้านแสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมกับคณะตรวจสอบเพื่อไปชี้จุดเกิดเหตุภายในโรงงานที่ก่อให้เกิดกลุ่มควันสีส้ม-น้ำตาลเข้ม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากหลังจากเกิดเหตุการณ์ ตัวแทนของบริษัทได้ชี้แจงว่าเป็นเหตุเพลิงไหม้ถังพลาสติกเปล่าขนาด 20 ลิตรและเศษสายไฟที่กองอยู่ในบริเวณโรงงาน  ในขณะที่ชาวบ้านต่างยืนยันว่า จุดที่บริษัทกล่าวอ้างไม่น่าจะตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากไม่พบร่องรอยเหตุเพลิงไหม้และความเสียหายในบริเวณดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ระบุว่า จุดที่เห็นเหตุการณ์อยู่คนละด้านกับจุดที่บริษัทอ้างถึง  
 


อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านระบุว่าเมื่อทางบริษัทเห็นกลุ่มชาวบ้านมารวมตัว ก็ได้ส่งคนงานของตนออกมายืนขวางถนน และแจ้งว่าไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์การเข้าตรวจสอบในโรงงาน แต่เมื่อเกิดการท้วงติงจากชาวบ้านว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะ กลุ่มคนงานจึงถอยไปขวางอยู่บริเวณทางเข้าโรงงาน โดยชาวบ้านพยายามเจรจาต่อรองอยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมสังเกตการณ์การตรวจสอบ แต่การเจรจาไม่เป็นผล   
 


ต่อมา นางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ ได้ต่อรองกับกลุ่มชาวบ้านและทางบริษัทว่าจะเป็นตัวแทนของชาวบ้านในการเข้าไปชี้จุดที่ชาวบ้านระบุ และจะนำข้อเท็จจริงมาแถลงต่อชาวบ้าน 
 

 

 


แต่การเข้าไปในโรงงานก็ยังต้องพบกับอุปสรรคอื่น ๆ อีก เช่น เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถนำรถอุปกรณ์เข้าไปเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากมีรถยนต์คันหนึ่งจอดขวางอยู่หลังแนวกั้นของกลุ่มคนงาน โดยบริษัทอ้างว่ากุญแจรถหายจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้  หรือในขณะที่กลุ่มเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปในโรงงานพร้อมอุปกรณ์เก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อม กลับถูกกลุ่มคนงานที่ขวางอยู่ไม่ยินยอมให้ผ่านเข้าไป ในที่สุด นายอำเภอจึงแจ้งข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน คณะตรวจสอบจึงสามารถผ่านเข้าไปในโรงงานได้เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.
 


จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. นายอำเภอศรีมหาโพธิได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบกับประชาชนว่า ได้เข้าไปตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุในโรงงานหนึ่งจุด เป็นบริเวณบ่อซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ชาวบ้านระบุ  จากการตรวจสอบตามใบอนุญาตพบว่า เป็นบ่อที่ทางบริษัทจะนำน้ำยาชุบโลหะที่รับมาจากโรงงานต่าง ๆ แล้วนำมาสกัดเอาโลหะที่ตกค้างอยู่จากน้ำยาชุบโลหะ โดยตามกระบวนการจะต้องเป็นการคัดแยกด้วยไฟฟ้า แต่กระบวนการนี้บริษัทกลับนำกรดไนตริกมาใส่  ซึ่งสาเหตุของการเกิดกลุ่มควันไฟสีส้ม-น้ำตาลเข้มดังกล่าว คาดว่าน่าจะเกิดจากสองสาเหตุ คือ หนึ่ง - เหล็กที่เป็นท่อปั๊มน้ำหล่นลงไปทำปฏิกิริยากับกรดไนตริกแล้วทำให้เกิดก๊าซขึ้นมา และสอง - กรดไนตริกกัดคอนกรีตเข้าไปจนถึงโครงสร้างของบ่อที่เป็นเหล็ก และทำปฏิกิริยาจนเกิดก๊าซขึ้นมา ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ  ดังกล่าว ทางบริษัทได้ใช้ปูนขาวซึ่งมีความเป็นด่างผสมเข้าไปในบ่อ เพื่อปรับสภาพของกรดให้มีความเป็นกลาง  โดยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เก็บของเหลวในบ่อจุดเกิดเหตุไปตรวจสอบด้วย
 

 

 


นายอำเภอศรีมหาโพธิยังกล่าวต่อว่า โรงงานแห่งนี้แม้ว่าจะได้รับใบอนุญาตโดยถูกต้อง แต่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีจะต้องตรวจสอบชี้ชัดต่อไปว่าบริษัทมีการทำผิดเงื่อนไขใบอนุญาตในขั้นตอนกระบวนการผลิตหรือไม่ เนื่องจากมีการนำกรดไนตริกเข้ามาสกัด และหากกระทำผิดเงื่อนไขใบอนุญาต ก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป  
 


ด้านนายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า “ชาวบ้านต้องการความจริง ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ได้เห็นว่าชาวบ้านเดือดร้อนและวิตกกังวล ทุกคนอยากมารับฟังว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ ฉะนั้น สิ่งที่เราต้องการคือ การพูดความจริงกับประชาชน ว่าสารที่บริษัทมีอยู่เป็นสารอะไร นำมาใช้อย่างถูกต้องไหม เป็นสารต้องห้ามหรือสารอันตรายหรือไม่ และกระบวนการผลิตเป็นไปอย่างถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง”