33 ปีเหตุสารเคมีระเบิดคลองเตย รัฐไทยควรเร่งออกกฎหมาย PRTR ช่วยรับมือพิษภัยเคมี (2 มี.ค. 67)

 

 

 

2 มีนาคม 2567 - วันนี้ในอดีต เป็นวันครบรอบ 33 ปีของเหตุการณ์ไฟไหม้และสารเคมีระเบิดในคลังเก็บสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพฯ หรือท่าเรือคลองเตย เหตุการณ์ดังกล่าวมีส่วนอย่างสำคัญในการจุดประกายความตื่นตัวเกี่ยวกับพิษภัยของสารเคมีขึ้น โดยเฉพาะในมิติที่ว่า สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมเสี่ยงภัยสมัยใหม่เยี่ยงประเทศอุตสาหกรรมแล้ว ในขณะที่ระบบการบริหารจัดการยังล้าหลังและก้าวตามไม่ทันกับปัญหาซับซ้อนจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการใช้สารเคมี กฎหมายและวิธีการจัดการยังคงอยู่ในยุคสมัยเก่า เช่น ระบบการดับเพลิงเคมียังขาดความพร้อมและมีการใช้น้ำดับดับเพลิงเคมี กากเถ้าปนเปื้อนที่เหลือก็ปล่อยทิ้งไว้ให้ปนเปื้อนสะสมพิษภัยในสิ่งแวดล้อม  การขาดฐานข้อมูลมลพิษและสารเคมีระดับชาติที่ทุกหน่วยงานและประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้สะดวก
 


นั่นคงเป็นเพราะความตื่นตัวและความตระหนักที่ถูกจุดขึ้นมา ยังเข้าไปไม่ถึงความเข้าใจและวิสัยทัศน์ของรัฐราชการไทย ทุกวันนี้ สภาพการณ์ด้านความเสี่ยงภัยกับด้านการรับมือจึงยังวนเวียนอยู่ที่เดิม ฐานข้อมูลกลางของประเทศในเรื่องมลพิษและสารเคมียังคงไม่ถือกำเนิด และมาตรการเชิงการป้องกันก่อนเกิดเหตุ จึงยังไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นมา
 


อย่างไรก็ตาม การที่มูลนิธิบูรณะนิเวศร่วมกับมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อมและกรีนพีชประเทศไทย สามารถรวบรวมชื่อประชาชนกว่า 12,000 รายชื่อ จนสามารถยื่นร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. ... หรือกฎหมาย PRTR ต่อรัฐสภา เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ย่อมบ่งบอกว่า ประชาชนต้องการมาตรการเชิงป้องกันเพื่อยกระดับการรับมือกับพิษภัยสารเคมีของประเทศให้ดีขึ้นแล้ว
 


ที่เหลือจึงเป็นเรื่องของการต้องจับตาเฝ้ามอง เพื่อให้รัฐบาลและรัฐราชการไทยตื่นรู้ตามประชาชนให้ทัน และพิจารณาผ่านร่างกฎหมาย PRTR ออกมาให้มีผลบังคับใช้ใน พ.ศ. นี้ อย่าต้องรอให้ครบ 34 ปีของเหตุการณ์เตือนภัยจากคลองเตยเลย