มลพิษหนองพะวา - “อะไรอยู่ก็ตายหมด เห็นมดสักตัวไหม นกยังเหม็นไม่ยอมบินผ่าน” (23 ก.พ. 67)

 

 

 

“อะไรอยู่ก็ตายหมด เห็นมดสักตัวไหม นกยังเหม็นไม่ยอมบินผ่าน” ลุงเทียบ สมานมิตร ชาวบ้านหนองพะวา หมู่ที่ 4 ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง บอกเล่าสถานการณ์สวนยางพาราของตน แม้ทุกวันนี้จะมีการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มะม่วง เงาะ หมาก ลิ้นจี่ น้อยหน่า อโวคาโด แต่ทั้งหมดอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะยังไม่สามารถคาดหวังผลผลิตได้ เพราะผืนดินแหล่งน้ำยังปนเปื้อนไปด้วยน้ำเสียจากการประกอบกิจการโรงงาน ของ บริษัท วินโพรเสส จำกัด ประจักษ์พยานยังปรากฏอยู่ตรงหน้า สัมผัสได้จากต้นยางยืนต้นตาย ผืนดินผืนน้ำสีทอง และกลิ่นเหม็นฉุน
 


ลุงเทียบ เล่าว่า ทุกเช้าจะต้องเข้ามาดูสวนตัวเองทุก 6 โมงเช้า หวังว่าพืชที่ปลูกจะรอดตาย เพราะว่าทุกวันนี้ต้องไปซื้อดินจากที่อื่นมาถมเป็นจุดๆ แล้วจึงเริ่มปลูกพืชบนพูนดิน มีต้นทุน 350 บาทต่อต้น อีกทั้งต้องตัดรากแก้ว เพื่อไม่ให้รากเจาะลงไปเจอน้ำใต้ดินที่ปนเปื้อน ในปัจจุบันผลผลิตต่างๆ ยังไม่ออกดอกผล ที่ทำอยู่เป็นการทดลองไประหว่างการรอการฟื้นฟู
 

 

 


“ที่เห็นปลูกได้คือพื้นที่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ที่สารมันไปไม่ถึง 90% เสียหมด เราก็ต้องเอาดินมากองๆ แล้วปลูกพืชบนดิน ทุกเช้าเราก็มาดู มารดน้ำ คอยดูว่ามันจะเป็นอะไรไหม ใจเราก็คิดว่าถ้าเรารดน้ำทุกวันๆ ต้นไม้มันอาจจะปรับตัวได้ เพราะเรารู้ว่าน้ำเสียมันกระจายไปทั่วแล้ว อย่างตามบ่อที่ยังพอใช้ได้ เราก็ต้องมาโรยปูนขาว ต้องโรยตลอดทุก 7 วัน”
 


ลุงเทียบบอกว่าที่ดินขนาด 30 ไร่ ของตน ปัจจุบันเหลือพื้นที่ที่พอจะเพาะปลูกได้ประมาณ 4 ไร่ แต่ก็ไม่รู้ว่าน้ำที่ปนเปื้อนจะขยายเพิ่มไปตรงไหนอีกหรือไม่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 2 เริ่มมาปรึกษาพูดคุย เพราะสังเกตว่าข้าวเริ่มตาย ต้นไม้เริ่มใบเหลืองแห้ง 

 

 


 


“เลยจากนี้ไปมันจะมีทางน้ำธรรมชาติ ผ่านไปที่ไหนก็เสียหายที่นั่น ลงไปสระน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ สภาพก็ไม่ต่างจากบ้านลุง น้ำดำห่างจากนี้เป็นกิโลนะ แล้วก็ที่ชาวบ้านล่างๆ อีก เชื่อว่าอนาคตที่ดินของชาวบ้านที่เป็นทุ่งนา น่าจะทำนาไม่ได้ เพราะตอนนี้เริ่มมีคนมาพูดให้ฟังแล้วว่าปลาเริ่มตาย ข้าวเริ่มมีอาการไม่โต ผมคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ความเสียหายมหาศาล เพราะการแก้ไข มันแทบไม่ได้แก้ไขอะไรเลย”
 


พื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองพะวาได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการรีไซเคิลของเสียอุตสาหกรรมของ บริษัท วิน โพรเสส รีไซเคิล จำกัด มาตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาในปี 2564 ชาวบ้านหนองพะวาได้ร่วมกันยื่นฟ้องบริษัทต่อศาลแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
 

 

 

 


จากนั้นในปี 2565 ศาลได้มีคำสั่งให้ บริษัท วิน โพรเสสฯ และพวก ชดเชยค่าเสียหายแก่ชาวบ้านเป็นเงินราว 20 ล้านบาท และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในพื้นที่รวมไปถึงสระน้ำหนองพะวาด้วย ทั้งนี้ บริษัท วิน โพรเสสฯ ยังตกเป็นจำเลยในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยนำของเสียอันตราย น้ำเสีย และดินปนเปื้อนในโรงงานออกไปกำจัดแล้ว 

 

 


 


ลุงเทียบบอกว่าอยากให้มีการขนย้ายสารเคมีในโรงงานออกไปหมดก่อน เพราะการฟื้นฟูในพื้นที่ยังไม่ตอบโจทย์ ถ้าไม่เอาสารเคมีออกให้หมด การฟื้นฟูก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตัวต้นเหตุมันยังอยู่ที่เดิม และจัดการสิ่งของต่างๆ ในโรงงานให้หมดก่อน เพราะถ้าไปฟื้นข้างนอก ในโรงงานไม่ทำ ก็ไม่มีประโยชน์
 


“ให้มาฟื้นฟูให้เร็วที่สุด เพราะว่าถ้ามาฟื้นฟูได้เร็ว ชีวิตชาวบ้านเขาก็ได้รับการฟื้นฟูไปด้วย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ชีวิตเขาก็ไม่มีทาง เพราะไม่มีรายได้ แล้วจะขายที่ก็ขายไม่ได้เพราะไม่มีใครซื้อ บางคนนะ เขามีที่ดินอยู่นิดเดียว เขาเสียหาย 100% เลย เขาจะทำยังไง เพราะถ้าเขาปลูกผักปลูกอะไรเขาก็พออยู่ได้ใช่ไหม ทุกวันนี้ทำอะไรไม่ได้เลย ก็คิดเอาเอง” ลุงเทียบกล่าวทิ้งท้าย
 


ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ