ตัวแทนชุมชน - ภาคประชาสังคม เรียกร้องผู้นำอาเซียนปกป้องภูมิภาคจากการเป็น "ถังขยะโลก" (20 มิ.ย. 62)
มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และกรีนพีซประเทศไทย (Green Peace Thailand) 20 มิถุนายน 2562
ตัวแทนชุมชน - ภาคประชาสังคม เรียกร้องผู้นำอาเซียนปกป้องภูมิภาคจากการเป็น "ถังขยะโลก" (20 มิ.ย. 62)
ตัวแทนชุมชน - ภาคประชาสังคม เรียกร้องผู้นำอาเซียนปกป้องภูมิภาคจากการเป็น "ถังขยะโลก" (20 มิ.ย. 62)
ภาพโดย อัครพล ตีบไธสง / มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)
กรุงเทพ, 20 มิถุนายน 2562 - ตัวแทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมกับนักกิจกรรมและอาสาสมัครจากมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และกรีนพีซ (Green Peace) รวมตัวกันพร้อมป้ายข้อความ “อาเซียนไม่ใช่ถังขยะโลก” เพื่อยืนจดหมายเปิดผนึกต่อรัฐบาลไทยในฐานะประธานอาเซียนเพื่อเรียกร้องให้บรรดาผู้นำประเทศในอาเซียน 10 ประเทศ ประกาศยุติการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีข้อแม้
ผัลย์ศุภา แดงประดับ ตัวแทนองค์กรชุมชนตำบลหนองชุมพลเหนือ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ประกาศว่า “ในวันนี้ เราขอยืนหยัดในสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี เราขอเรียกร้องให้ผู้นำทุกประเทศในอาเซียนนำประเด็นการค้ากากของเสียรวมถึงขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นวาระเร่งด่วน”
ที่ผ่านมา จากแรงกดดันของภาคประชาสังคม รัฐบาลไทยประกาศห้ามนำเข้าขยะอันตรายที่ทำจากพลาสติกและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลายร้อยชนิด ทว่าก็ยังไม่มีแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน รวมถึงไม่ปรากฎขยะที่ปนเปื้อนสารพิษสารเคมีรวมอยู่ในรายการด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยต่อสำนักข่าว Voice of America [1] ว่า “หากมีการประสานงานร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราเองก็สนับสนุนเต็มที่ ตามหลักแล้วเชื่อว่าทุกประเทศล้วนตระหนักถึงปัญหาการนำเข้าพลาสติก … และเราไม่อยากเห็นปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีก"
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของภาคประชาสังคมในจดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายภาคประชาสังคมไทยต่อรัฐบาลไทยในฐานะประธานอาเซียน พ.ศ.2562 และผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ประกอบด้วย
• ยกเลิกพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2562 เนื่องจากเอื้อให้เกิดโรงงานรีไซเคิลขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน และเปิดช่องว่างให้เกิดประโยชน์ทับซ้อน
• ในระหว่างกระบวนการตามข้อที่ 1 ขอให้รัฐบาลทบทวนประเด็นสำคัญ เช่นโรงงานต้องมีอายุใบอนุญาตประกอบกิจการ [2] การขออนุญาตประกอบกิจการให้ตั้งโรงงานใหม่และโรงงานที่ขยายกิจการทุกแห่ง จะต้องมีการให้ข้อมูลกับประชาชนก่อนจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ที่ตั้งโรงงานและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (3)การออกใบอนุญาตโรงงานต้องประกอบด้วยมาตรการการคุ้มครองและจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี มีมาตรการทางกฎหมายให้โรงงานทุกแห่งรายงานข้อมูลมลพิษที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมและมีการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายทางเว็บไซต์โดยไม่มีเงื่อนไขและข้อจำกัดใดๆ
• เพิ่มระบบการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม โดยการตั้งคณะทำงานระดับพื้นที่ประกอบด้วยประชาชนและนักวิชาการอิสระ โดยตั้งเป็นกลไกอิสระแยกออกจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรืออุตสาหกรรมจังหวัด คณะทำงานนี้สามารถตรวจสอบ ดำเนินการ และสอบสวนโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ทำตามแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการตรวจสอบและติดตามรายงานการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม การปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต การดูแลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และการเปิดโอกาสให้ชุมชนและคนงานสามารถร้องเรียนปัญหาเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรมได้โดยตรง
เพ็ญโฉม เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า “แม้ว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยจะสามารถจับกุมโรงงานรับซื้อขยะพิษผิดกฎหมายจากต่างประเภทได้หลายแห่ง แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าหรือการสืบสวนเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันปัญหาในเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะแย่ลงมากขึ้น หลัง สนช.มีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา”
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ภายใต้แนวคิดการประชุม “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) โดยบรรดาผู้นำอาเซียนควรหยิบยกประเด็นการค้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาเป็นหนึ่งในวาระด่วนของการประชุมสุดยอดครั้งนี้
ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่บรรดาผู้นำอาเซียนจะแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำ กำหนดนโยบายระดับภูมิภาคให้ชัดเจนและก้าวหน้ามากขึ้น เรื่องการห้ามการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ และหันมาควบคุมการผลิตและการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่เป็นรูปธรรม ถึงเวลาแล้วที่ประชาคมอาเซียนจะต้องเป็นผู้นำในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นธรรมและยั่งยืน ผลักดันให้ประเทศที่ร่ำรวยเปลี่ยนแนวคิดที่มุ่งแต่การผลิตและการบริโภคที่สร้างของเสียจำนวนมหาศาล รวมถึงยุติการส่งออกของเสียไปยังประเทศอื่น”
ขณะนี้กรีนพีซกำลังเดินหน้ารณรงค์ออนไลน์[3] “อาเซียนไม่ใช่ถังขยะโลก” เพื่อเปิดให้สาธารณะชนร่วมเรียกร้องต่อผู้นำอาเซียนให้กอบกู้วิกฤตมลพิษพลาสติก
ทั้งนี้ จาก รายงานการศึกษาการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย [4] ระหว่างปี 2557-2561 (มิ.ย. 62) โดยมูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุชัดว่า จำนวนการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์มายังประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชุมชนดั้งเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตจังหวัดที่เข้าถึงได้ง่ายจากท่าเรือน้ำลึก
หมายเหตุ
[1] https://www.voanews.com/east-asia/asean-urged-adopt-full-ban-plastic-waste-imports
[2] https://www.jetro.go.jp/thailand/e_survey/factoryact.html
[3] ร่วมลงชื่อรณรงค์ “อาเซียนไม่ใช่ถังขยะโลก” https://act.greenpeace.org/page/44108/petition/1
[4] http://www.earththailand.org/en/document/76
[5] จดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำอาเซียน https://www.greenpeace.or.th/report/plastic-waste-trade-open-letter.pdf
สามารถดาวน์โหลดภาพถ่ายได้ที่นี่ https://media.greenpeace.org/shoot/27MZIFJ8TFZ0N
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการ มูลนิธิบูรณะนิเวศ
อีเมล: penchom.earth@gmail.com .โทร. +66 81 6117473
สมฤดี ปานะศุทธะ ผู้ประสานงานสื่อมวลชน กรีนพีซ เอเชียตะวันเฉียงใต้
อีเมล: spanasud@greenpeace.org โทร. +6681 9295747