คิงส์เกตฯ ฟ้องอนุญาโตฯ แล้ว ม.44 ปิดเหมืองทอง (1 มิ.ย. 61)

ประชาไท 1 มิถุนายน 2561
คิงส์เกตฯ ฟ้องอนุญาโตฯ แล้ว ม.44 ปิดเหมืองทอง 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ http://www.akararesources.com

คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแล้ว อุตฯ เผยตลอดกระบวนการยังสามารถหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันได้

มติชนออนไลน์ รายงานการเปิดเผยของนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ว่า บริษัท คิงส์เกตฯ ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาท (สเตทเมนท์ ออฟ เคลม) ในกรณีพิพาทกับราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการประกอบกิจการเหมืองทองของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย หรือ ทาฟต้า แล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติขั้นแรกของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ โดยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า ถือเป็นเพียงการใช้สิทธิของบริษัท คิงส์เกตฯ ภายใต้ทาฟต้า เท่านั้น ยังไม่มีการตัดสินชี้ขาดแต่อย่างใด หลังจากนี้ไทยจะยื่นคำคัดค้านกลับไปที่อนุญาโตตุลาการในเร็วๆ นี้ ขณะที่คณะอนุญาโตตุลาการจะต้องรวบรวมข้อมูลและพิจารณาพยานหลักฐานโดยละเอียดจากทั้งสองฝ่ายก่อนจะมีคำตัดสินชี้ขาดต่อไป โดยตลอดกระบวนการอนุญาโตตุลาการ คู่กรณียังสามารถหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันได้

กรณีพิพาทดังกล่าวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง (มาตรา 44) ที่ 72/2559 เรื่องการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำที่ให้ระงับการอนุญาตให้สำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ทำให้เหมืองทองอัคราต้องหยุดดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ตัวเลขที่รัฐบาลไทยอาจจะต้องชดเชยความเสียหายจากการปิดกิจการ โดยประเมินจากผลประกอบการที่สูญเสียตลอดอายุสัมทานของบริษัทบริษัท คิงส์เกตฯ เป็นเงินถึง 30,000 ล้านบาท หากอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศชี้ขาดให้รัฐบาลไทยต้องชดใช้

ISDS vs มาตรา 44 หรือจะเป็นความพ่ายแพ้ราคา 3 หมื่นล้านของ คสช. (แล้วใครจะรับผิดชอบ?)