ทุนใหญ่ แห่ลงทุนกาญจน์คึกคัก "มอเตอร์เวย์บางใหญ่" ดันที่ดินพุ่ง 20 เท่า (2 พ.ค. 61)

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2561
ทุนใหญ่ แห่ลงทุนกาญจน์คึกคัก “มอเตอร์เวย์บางใหญ่” ดันที่ดินพุ่ง 20 เท่า ​

“หอการค้ากาญจนบุรี” เผยราคาที่ดินมอเตอร์เวย์บางใหญ่-ทวายพุ่งไม่หยุด เฉพาะช่วงบายพาสจากแยกวัดท่าล้อ-แยกแก่งเสี้ยน ขยับจาก 1 ล้านเป็น 20 ล้านบาทต่อไร่ หลังกลุ่มทุนใหญ่จัดทัพชิงพื้นที่ ทั้ง “โรบินสัน-ไทวัสดุ-โกลบอลเฮ้าส์-โยเฮ้าส์” พร้อมปั้นด่านการค้าชายแดนเชื่อมโยงโลจิสติกส์ทวาย ปลดล็อกเมืองปิด เผยล่าสุดรัฐบาลไทยไฟเขียวเงินกู้ให้เมียนมาสร้างถนนลาดยางสู่ทวาย วอนภาครัฐเจรจาเปิดด่านเจดีย์สามองค์-เมียนมา หวังเพิ่มยอดส่งออก ด้าน ททท.ชูธงปีนี้ท่องเที่ยวโต 8-10 %

นายปัญญา วุฒิประจักษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางบางใหญ่-ทวาย มีการขยับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะที่ดินบริเวณถนนบายพาสจากแยกวัดท่าล้อ-แยกแก่งเรียบ มีห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง “ไทวัสดุ” ในกลุ่มเซ็นทรัล มาเปิดให้บริการ รวมถึงศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง เช่น โกลบอลเฮ้าส์ และโยเฮ้าส์ เป็นต้น

ทำให้ราคาที่ดินมีการปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณ 1 ล้านกว่าบาท/ไร่ เพิ่มเป็น 20 ล้านบาท/ไร่ โดยเฉพาะบริเวณแยกวัดท่าล้อ-แยกวังสารภี ขณะที่บริเวณ กม.11 หรือทางลงมอเตอร์เวย์บางใหญ่เชื่อมต่อกับแยกแก่งเสี้ยน ราคาขยับตัวสูงขึ้นถึง 20 ล้านบาท/ไร่เช่นกัน

ขณะนี้โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางบางใหญ่-ทวาย มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยจุดแรกที่ลงอำเภอท่าม่วง แบ่งเป็น 30 สัญญา กำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง

โดยแนวเส้นทางที่จะตัดผ่านจังหวัดกาญจนบุรีนั้น จะส่งผลเชิงบวกต่อจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งด้านโลจิสติกส์ ขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว โดยจากการคำนวณเส้นทางแล้วจะใช้ระยะเวลาเดินทางจากบางใหญ่-กาญจนบุรี ประมาณ 40 นาที

จากเมืองกาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน 45 นาที และจากบ้านพุน้ำร้อน-ทวายราว 2 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางนี้จะสามารถเชื่อมโยงสินค้าจากแหลมฉบังไปยังท่าเรือน้ำลึกทวาย และกระจายต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ โดยจะช่วยประหยัดเวลากว่า 20 วัน หากเทียบกับการส่งสินค้าผ่านทางช่องแคบมะละกา

วอนภาครัฐเจรจาเมียนมาเพิ่ม

นายปัญญากล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันจังหวัดกาญจนบุรียังประสบปัญหาด้านการส่งออก เนื่องจากทางการเมียนมาได้ปิดด่านเจดีย์สามองค์ หากรัฐบาลไทยเร่งเจรจาให้ทางการเมียนมาเปิดด่านชั่วคราวพิเศษ เช่นเดียวกับด่านสิงขร จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกอีกกว่า 1,000 ล้านบาท/เดือน และหากสามารถทำหนังสือผ่านแดน (border pass) ไปถึงเมืองมะละแหม่งได้ จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกเป็น 2,000 ล้านบาท/เดือน และหากถนนสายพุน้ำร้อนแล้วเสร็จตามกำหนดในปี 2563 น่าจะเพิ่มมูลค่าได้อีกหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาทางการเมียนมาได้ทำการปิดช่องทางในด่านพญาตองซู หรือบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ในฝั่งไทย เนื่องจากการละเมิดกฎการเดินทางของขบวนรถทัวร์ไทย โดยอนุญาตให้ผ่านได้เพียงรถกระบะ รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์สามล้อเท่านั้น ทำให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าจากไทยไม่สามารถผ่านทางด่านพญาตองซูเพื่อขนส่งสินค้าได้

โดยด่านพญาตองซูจะเป็นเส้นทางการค้าสู่มะละแหม่ง เน้นการส่งออกสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค เช่น เบียร์ เครื่องปรุงรส และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นต้น การปิดด่านของทางการเมียนมา

จึงทำให้ไทยเสียโอกาสทางการค้า หากมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรีก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากมุ่งการจัดการเส้นทางสู่ทวายแล้ว เส้นทางสู่มะละแหม่งเองก็ได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงมอเตอร์เวย์ด้วย จึงจำเป็นต้องเร่งเจรจาเปิดด่านเพื่อเอื้อประโยชน์ในการขนส่งสินค้าเข้าสู่เมียนมา

“ปัจจุบันทั้งด่านเจดีย์สามองค์ และด่านบ้านพุน้ำร้อน มีมูลค่าการส่งออกราว 102 ล้านบาท/เดือน แบ่งเป็นด่านพระเจดีย์สามองค์ 70 ล้านบาท/เดือน และด่านพุน้ำร้อน 32 ล้านบาท/เดือน ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากด่านเจดีย์สามองค์มีมูลค่ารวม 5,145 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติกว่า 5,000 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้าจากด่านพุน้ำร้อนราว 22 ล้านบาท/เดือน ถือได้ว่ายังคงขาดดุลการค้า” นายปัญญากล่าว

เชื่อมเส้นทาง-ท่องเที่ยวโต

ด้านนายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หากมอเตอร์เวย์เชื่อมบางใหญ่-กาญจนบุรีแล้วเสร็จตามเป้าในปี 2563 จังหวัดกาญจนบุรีจะไม่ใช่เมืองปิดอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) เชื่อมต่อโยงการท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ-ทวาย ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวมายังจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่มขึ้น รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวผ่านไปยังทวายอีกด้วย

โดยในปี 2560 จ.กาญจนบุรีมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท/ปี คาดว่าปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 23,000-24,000 ล้านบาท/ปี หรือเพิ่มขึ้นอีกราว 8-10% ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 8-10 ล้านคน/ปี และอาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อโครงการมอเตอร์เวย์แล้วเสร็จ ทั้งนี้แม้ปริมาณนักท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ มีการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,100-2,200 บาท/คน/วัน และหากเป็นนักทัศนาจรไปเช้า-เย็นกลับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1,000 กว่าบาท/คน/วัน

นอกจากนี้ ยังมีการทำ MOU ในการค้าขายระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมา ในเรื่องการค้าและการลงทุน รวมถึงมีนักท่องเที่ยวจากเขตทวายเข้ามาใช้บริการในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี ปัจจุบันมีการส่งออกผักผลไม้ไปยังทวายไม่ต่ำกว่าวันละ 30 ตัน รวมถึงมีนักท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนกันระหว่างกาญจนบุรีกับทวายอย่างต่อเนื่อง

“หากพัฒนาเส้นทางต่อยอดจากด่านเจดีย์สามองค์เชื่อมโยงไปยังแม่สอด จังหวัดตาก การเดินทางต่าง ๆ ของภาคเหนือสู่ภาคใต้จะสามารถผ่านกาญจนบุรีได้เลย ทั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินปี 2565 โดยเริ่มการขยายถนนในฝั่งไทย ซึ่งจะส่งผลให้กาญจนบุรีเป็นฮับที่เหมาะสมแก่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว” นายวิศรุตกล่าว