กฟผ. นำกองทัพ "นักข่าวใต้" เดินทางดูงาน "โรงไฟฟ้าถ่านหิน" ที่ประเทศมาเลเซีย (14 พ.ย. 60)

MGR Online 14 พฤศจิกายน 2560
กฟผ.นำกองทัพ “นักข่าวใต้” เดินทางดูงานโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศมาเลเซีย

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กฟผ.นำกองทัพ “นักข่าวใต้” เดินทางศึกษาดูงานในเชิงประจักษ์ ที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจิมาห์ รัฐเนเกรี เซมบิลัน ประเทศมาเลเซีย

ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.ที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำโดย นายศุภชัย ปิตะสุวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้าง ว่าที่ พ.ต.ดร.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์ และสิ่งแวดล้อม นายวีระชัย ยอดเพชร หัวหน้าโครงการเตรียมงานพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้นำสื่อมวลชนทุกสาขาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 60 คน เดินทางไปศึกษาดูงานเชิงประจักษ์ ณ โรงไฟฟ้าจิมาห์ ณ รัฐเนเกรี เซมบิลัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะได้รับรู้ข้อมูลในเชิงประจักษ์

เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ได้สร้างเสร็จและเดินเครื่อง ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา รวมทั้งตั้งอยู่ในบริเวณปากแม่น้ำ และห่างจากโรงแรม รีสอร์ต ชายทะเล สถานที่พักตากอากาศเพียง 4 กิโลเมตร รวมทั้งรอบบริเวณโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นชุมชนที่ประกอบอาชีพประมง และการเกษตร ไม่แตกต่างจากสถานที่ซึ่งจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ อ.เทพา จ.สงขลา

ซึ่งในการศึกษาดูงานครั้งนี้ ผู้แทนของโรงไฟฟ้าจิมาห์ ได้ให้รายละเอียดว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินจิมาห์ เป็นโรงไฟฟ้าเอกชนที่ขายไฟฟ้าให้กับทางการมาเลเซีย ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ ใช้ถ่านหินบีทูมินัส และซับบีทูมินัส เป็นเชื้อเพลิง เปิดเดินเครื่องตั้งแต่ปี 2552 โดยวิธีการถมทะเล และได้มีการศึกษาสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายทุกอย่าง โรงงานมีระบบป้องกันมลภาวะสิ่งแวดล้อม เครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และเครื่องดักฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต ตั้งแต่เดินเครื่องมาไม่เคยมีปัญหาในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และมลภาวะเกิดขึ้น ทำให้โรงงานสามารถที่จะอยู่ร่วมกับชุมชน และอยู่ร่วมกับการท่องเที่ยวได้โดยไม่มีปัญหา

ผู้รับผิดชอบโรงงานไฟฟ้าถ่านหินจิมาห์ ยังกล่าวต่อไปว่า ในระยะแรกๆ ที่เข้ามาก่อสร้าง ชาวประมงในพื้นที่ก็มีความคิด และความรู้สึกว่า การเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้า อาจจะส่งผลกระทบกับอาชีพของเขา ซึ่งเป็นเรื่องความวิตกกังวลที่เป็นปกติ โดยทางโครงการก็ได้ให้ข้อมูลเพื่อแสดงให้เห็นถึงระบบการป้องกันที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่มีมลภาวะกับสุขภาพของผู้คนในชุมชน

แต่เพื่อความสบายใจทางโครงการ ได้ส่งเสริมอาชีพประมงพื้นบ้านในชุมชนด้วยการตั้งกองทุนพัฒนาอาชีพให้กับชมรมชาวประมง ต่อมาหลังจากที่โรงไฟฟ้าเดินเครื่อง จากปี 2552 จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่พบในเชิงประจักษ์คือ สัตว์น้ำในแนวชายฝั่งกลับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากน้ำที่ปล่อยจากโรงไฟฟ้าลงทะเลไป สร้างแพลงตอนให้เกิดขึ้นจนกลายเป็นอาหารของสัตว์น้ำ

ผู้บริหารโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้โรงไฟฟ้าจิมาห์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงที่ 2 มีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง รวม 2,000 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศมาเลเซีย โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 40 และมีกำหนดจะเปิดเดินเครื่องในปี 2562 และหลังจากก่อสร้างเสร็จ ประเทศมาเลเซียจะมีโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน จำนวน 5 เครื่องด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ เพื่อสอบถามชาวบ้านหลายสาขาอาชีพ ที่อยู่ในบริเวณระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร เพื่อฟังความคิดเห็น และสอบถามถึงผลกระทบของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเหล่านั้นได้ให้ข้อมูลว่า คนในชุมชน และนอกชุมชนแห่งนี้ยังไม่มีใครที่เจ็บป่วย ด้วยสาเหตุที่มาจากโรงไฟฟ้า สิ่งที่พวกตนเป็นห่วงมีเพียงเรื่องเดียวคือ หลังจากที่โรงไฟฟ้าเกิดขึ้น ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้น การจราจรแออัดกว่าเดิม การสัญจรต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น แต่สิ่งที่ดีๆ คือคนในพื้นที่มีงานทำ ทั้งในโรงงานและที่อื่นๆ เนื่องจากมีการเติบโตของชุมชน

ด้าน ว่าที่ พ.ต.อนุชาต ได้กล่าวว่า การนำผู้สื่อข่าวมาครั้งนี้ เพื่อให้ศึกษาดูงานในเชิงประจักษ์ เพราะโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้ เดินเครื่องตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งในขณะสร้างเทคโนโลยียังไม่ทันสมัยเท่ากับปัจจุบัน สถานที่ตั้ง ชุมชนรายรอบ ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่คนในชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวยังไม่เคยได้รับผลกระทบอย่างที่มีการวิตกกังวล

เมื่อผู้สื่อข่าวมาเห็นของจริงในเชิงประจักษ์ ก็จะได้นำสิ่งที่พบเห็นไป “สื่อ” กับคนในพื้นที่ คนในประเทศได้อย่างถูกต้อง ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้น มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีการร่วมกันกับหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน