มูลนิธิบูรณะนิเวศและตัวแทนชาวบ้านคลองด่าน จี้กรมควบคุมมลพิษ ยื่นฎีกา หวั่นเสียค่าโง่คลองด่านหมื่นล้าน (18 ธ.ค. 56)
ไทยพับลิก้า 18 ธันวาคม 2556
มูลนิธิบูรณะนิเวศ และตัวแทนชาวบ้านคลองด่าน จี้กรมควบคุมมลพิษ ยื่นฎีกา หวั่นเสียค่าโง่คลองด่านหมื่นล้าน
เมื่อ วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2556 นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (เสื้อสีฟ้า) และนางสาวดาวัลย์ จันทรหัสดี ตัวแทนชาวบ้านคลองด่าน (เสื้อสีเหลือง) แถลงข่าวกรณีศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องคดีคลองด่าน
เมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2556 มูลนิธิบูรณะนิเวศ และตัวแทนชาวบ้านคลองด่าน แถลงข่าวว่า จากกรณีที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องคดีคลองด่าน เมื่อ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 มีผลทำให้บริษัทเอกชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาฉ้อโกงสัญญาและฉ้อโกง ที่ดิน ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 พ้นผิด จากที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 ให้จำคุกบุคคลรายละ 3 ปี และนิติบุคคลสั่งปรับรายละ 6,000 บาท พร้อมกับยกฟ้องบริษัทกิจการร่วมค้า NVPSKG นั้น
นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ และนางสาวดาวัลย์ จันทรหัสดี ตัวแทนชาวบ้านคลองด่าน มีความเห็นว่า กรมควบคุมมลพิษควรรีบยื่นฎีกาโดยเร็วที่สุดเพื่อต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากถ้าหากแพ้คดี หรือไม่สามารถฎีกาได้ทันภายในกำหนด (19 ธ.ค. 2556) เท่ากับสละสิทธิ์ ซึ่งเท่ากับแพ้คดีดังกล่าว
หากคดีนี้ คพ. ต่อสู้จนได้รับชัยชนะ จะสามารถนำผลของคดีนี้ไปฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนจากกลุ่มผู้รับเหมา เป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท นั่นหมายรวมถึงที่ดินที่ปัจจุบันถูกเพิกถอนโฉนดแล้วจำนวน 4 แปลง รวม 1,300 กว่าไร่ เป็นเงินรวม 1,300 ล้านบาท กลับคืนให้รัฐ
อนึ่ง หากโจทก์ (กรมควบคุมมลพิษ) สละสิทธิ์ฎีกา หรือแพ้คดี จะส่งผลกระทบต่อการฟ้องคดีคลองด่านที่ คพ. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดเรื่องข้อพิพาทอนุญาโตตุลาการ ซึ่งจะทำให้ คพ. จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่กลุ่มผู้รับเหมาโครงการ (5 บริษัท) กว่า 10,000 ล้านบาท
กรมควบคุมมลพิษควรรีบยื่นฎีกาโดยเร็วที่สุด และมีความจริงจังในการต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เรายินดีร่วมสนับสนุนการต่อสู้คดีนี้อย่างเต็มที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศและเงินภาษีของประชาชน ขณะที่สาธารณชนเองก็ควรร่วมติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ใช้อิทธิพลกดดันจนสามารถล้มคดีนี้ได้
“เราขอเรียกร้องให้ทนายฝ่ายโจทก์ทำคดีนี้อย่างเต็มความสามารถและด้วย จิตสำนึกของความเป็นตัวแทนประชาชนผู้เสียภาษี เนื่องจากเราเชื่อว่ากรณีนี้มีโอกาสสูงที่จะถูกแทรกแซงจากกลุ่มผู้เสียผล ประโยชน์ จึงเรียกร้องให้ คพ. และทนาย อย่าตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการแพ้คดี”