จับตา กกพ. ขึ้นเอฟที 10 สต. - กฟผ. ลุ้น คสช. ชี้ชะตาถ่านหินกระบี่ 28 เม.ย. พร้อมยุติโครงการ (19 เม.ย. 60)

ไทยโพสต์ 19 เมษายน 2560
จับตากกพ.ขึ้นเอฟที10สต. กฟผ.ลุ้นคสช.ชี้ชะตาถ่านหินกระบี่28เม.ย.พร้อมยุติโครงการ 

จับตา กกพ.ปรับค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค. ขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย หลังต้นทุนพุ่ง-เงินบาทไม่เคลื่อนไหว ด้าน กฟผ.ลุ้นผลสรุป คสช. 28 เม.ย. ชี้ชะตาโรงไฟฟ้ากระบี่ เผยหากให้ยุติพร้อมดำเนินการ แต่ถ้าให้เดินหน้าต่อ ต้องชี้ชัดกระบวนการทำ EIA และ EHIA ว่าจะให้ทำอย่างไร จึงไม่ต้องรื้อใหม่

แหล่งข่าวจากกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ของงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2560 พบว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราว 20 สตางค์ต่อหน่วย แต่ทั้งนี้คงอยู่ที่ประชุมว่าจะเลือกขึ้นทั้งหมดหรือไม่ เนื่องจากอัตราดังกล่าวอาจจะสูงเกินไปส่งผลกระทบต่อรายจ่ายของภาคประชาชน ซึ่ง กกพ.มีเงินที่เรียกเก็บจากค่าปรับของโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่จ่ายไฟเข้าระบบ ซึ่งเมื่อนำเงินส่วนนั้นมาหักลบก็จะลดลงได้ไม่มากนัก

โดยเบื้องต้นอาจจะให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาแบกรับภาระไปก่อน ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หรือจะต้องพิจารณาว่าจะมีวงเงินใดๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมได้หรือไม่ เช่นการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนของ 3 การไฟฟ้า ประกอบด้วย กฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมถึงของฝ่ายเอกชนด้วย ดังนั้นหากมีเงินส่วนดังกล่าวมาหักลบภาพรวมเอฟทีอาจจะปรับขึ้นประมาณ 10 สตางค์ต่อหน่วย

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการ กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า วันที่ 19 เม.ย.2560 นี้ กกพ.จะพิจารณาอัตราค่าเอฟทีที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟกับประชาชนรอบใหม่ โดยต้องยอมรับว่ามีทิศทางจะปรับเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.60) แต่จะเป็นอัตราเท่าใดนั้นคงจะต้องรอผลการพิจารณาจากที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ค่าเอฟทีในรอบใหม่นี้ปรับเพิ่มขึ้น มาจากปัจจัยหลักคือราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยขณะนี้เป็นช่วงจังหวะขาขึ้นของราคาก๊าซ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้นหากพิจารณาจากเชื้อเพลิงก๊าซฯ ที่เป็นต้นทุนหลักจึงทำให้เห็นสัญญาณว่าค่าไฟในงวดต่อไปก็จะมีทิศทางขาขึ้นด้วย

นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่งวดนี้เคลื่อนไหวคงที่ในระดับ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกับงวดที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีผลกระทบและผลบวกมากนักต่อการคำนวณค่าเอฟทีรอบปัจจุบัน

นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าฯ กฟผ. กล่าวว่า ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะสรุปผลการจัดเวทีสร้างความรู้ ความเข้าใจและรับทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถ้า คสช.สรุปว่าไม่เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ กฟผ.ก็พร้อมทำตามนโยบายภาครัฐโดยพร้อมจะยุติโครงการทันที แต่หากให้เดินหน้าต่อไป กฟผ.ก็จะทำตามนโยบายของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

"กฟผ.ได้ทำหนังสือไปยัง สผ.เมื่อช่วงต้น เม.ย.เพื่อขอคำตอบให้ชัดเจนว่าจะให้กระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 เมกะวัตต์อย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็ทำไปหมดแล้วยังกลับไม่ผ่าน หากที่สุดแล้วโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ เกิดขึ้นไม่ได้คาดว่ากระทรวงพลังงานจะพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อื่นแทน หรืออาจพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจี" นายกรศิษฏ์กล่าว.