บ.แม่ "อัครา" จ่อฟ้องรัฐละเมิดข้อตกลง TAFTA (3 เม.ย. 60)

MGR Online 3 เมษายน 2560
บ.แม่อัคราจ่อฟ้องรัฐละเมิดข้อตกลง TAFTA

“คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด” ผู้ถือหุ้นใหญ่ เหมืองทองคำชาตรี “อัครา รีซอร์สเซส” ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) เผยอยู่ระหว่างหาทางออกและฟ้องเรียกค่าชดเชยจากรัฐบาลไทย
       

       รายงานข่าวแจ้งว่า​​บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ได้ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) วันนี้ โดยทางบริษัทฯ ได้ทำการประกาศแจ้งเป็นเอกสารสำหรับเผยแพร่ต่อสาธารณชนไว้ในเว็บไซต์ www.kingsgate.com.au อย่างเป็นทางการ มีใจความว่า
       
       บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรีในประเทศไทย ขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเสาะแสวงหาแนวทางต่างๆ เพื่อแก้ไขและเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นกับเหมืองแร่ทองคำชาตรี รวมไปถึงการเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลไทย จากการละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (Thailand - Australia Free Trade Agreement : TAFTA)
       
       โดยในเบื้องต้นวันนี้บริษัทฯ ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยแสดงความจำนงขอเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือถึงแนวทางการปฏิบัติตามสิทธิภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
       
       เนื่องจากเป็นเวลากว่า 11 เดือนแล้วที่บริษัทฯ ได้แสดงถึงเจตจำนงในการขอเข้าพบรัฐบาลไทย เพื่อปรึกษาหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังจากที่มีคำสั่งให้เหมืองแร่ทองคำชาตรียุติการประกอบกิจการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559
       
       อย่างไรก็ตาม คำขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจากบริษัทฯ ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามสิทธิในส่วนของการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) เพื่อหาข้อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น
       
       การลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ระหว่างประเทศไทยกับออสเตรเลีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมบรรยากาศด้านบริการ การค้า และการลงทุนระหว่างสองประเทศ และมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2548
       
       ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มีขอบเขตครอบคลุมด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมถึงการให้ความคุ้มครองด้านการลงทุนแก่นักลงทุนชาวออสเตรเลีย โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเลือกใช้กระบวนการยุติธรรมโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการต่อคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในการระงับข้อพิพาทกับรัฐบาล
       
       อย่างไรก็ตาม การปรึกษาหารือภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) นั้นอาจใช้ระยะเวลาในการดำเนินการถึง 3 เดือน และหากไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ บริษัทฯ จำเป็นต้องดำเนินการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศต่อไป ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาและผลลัพธ์ของกระบวนการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
       
       ท้ายนี้ บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ยังคงหวังที่จะได้พบและหารือถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อหาทางออกร่วมกันกับรัฐบาลไทยต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและประเทศไทยเสมอมาตลอดระยะเวลา 15 ปีที่เปิดดำเนินการ