กลุ่มอนุรักษ์ 200 คนบุกศาลกลาง ยื่น "ค้านเหมืองโปแตซอุดรฯ" (28 มี.ค. 2560)
มติชนออนไลน์ 28 มีนาคม 2560
กลุ่มอนุรักษ์ 200 คน บุกศาลกลาง ยื่นค้านเหมืองโปแตซอุดรฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี รับมอบหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จ.อุดรธานีกว่า 200 คน นำโดยนางมณี บุญรอด กรรมการกลุ่มอนุรักษ์ฯ เพื่อติดตามทวงถามผลการคัดค้าน กระบวนการขออนุญาต ประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ที่ยื่นคัดค้านไว้ตั้งแต่ก่อนมี คสช. แต่ไม่เคยรับคำตอบ โดยจะรอคำตอบภายใน 1 สัปดาห์
นางมณีฯ กรรมการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯต่อต้านเหมืองแร่โปแตชมานานกว่า 16 ปี โดยจังหวัดอุดรธานี อุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและกรมเหมืองแร่ (กพร) ได้ดำเนินการในขั้นตอนขออนุญาตประทานบัตร ของบริษัท เอเชีย แปซิฟค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) จนสิ้นสุดกระบวนการไปแล้ว ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ยื่นหนังสือคัดค้าน โต้แย้งในแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงอยากจะติดตามทวงถามความคืบหน้า
“ เรื่องที่ทวงถามมี 4 เรื่อง คือ 1.การคัดค้านการปักหมุด รังวัด และการขึ้นรูปแผนที่เหมือง 2.การคัดค้านประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 และรายงายการไต่สวนประกอบคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ 3. การคัดค้านการจัดประชุมเพื่อรับฟังการชี้แจงการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานีในค่ายทหารพระยาสุนทรธรรมธาดา และ 4.จากการที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสามพาด มีมติเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบกับคำขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานี มีผลต่อการพิจารณาในกระบวนการอนุญาตประทานบัตรหรือไม่อย่างไร เราจะรอคำตอบจากรองผู้ว่าฯ ยืนยันจะกลับมาภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อจะฟังคำตอบที่ชัดเจน เป็นลายลักษณ์อักษร หากคำตอบไม่เป็นไปตามที่คิด จะไปร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ที่กรุงเทพฯโดยตรง ”
นายสุชัย กล่าวว่าหลังจากได้รับหนังสือและพูดคุยกับกลุ่มอนุรักษ์แล้ว ในส่วนของการคัดค้านการปักหมุด รังวัด และการขึ้นรูปแผนที่เหมือง ,การคัดค้านประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ทั้ง 2 เรื่อง ยังอยู่ในชั้นศาล ทำอะไรไม่ได้มาก เกรงว่าจะไปละเมิดศาล และจะส่งหนังสือให้กับผู้ว่าฯ อุดรธานี โดยเร็วที่สุด