แกนนำ "ปากบารา" ท้าสอบทรัพย์สิน ย้ำไม่ชุมนุมการเมือง-ปกป้องชุมชน (24 มี.ค. 60)
แนวหน้าออนไลน์ 24 มีนาคม 2560
แกนนำ'ปากบารา'ท้าสอบทรัพย์สิน ย้ำไม่ชุมนุมการเมือง-ปกป้องชุมชน
24 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวน ของตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ขึ้นมาสอบสวนความผิดกรณี กลุ่มผู้คัดคัดโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา เข้ายึดพื้นที่ทำเวที ค.1 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาที่โรงเรียนบ้านปากบาง ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ทำให้ไม่สามารถเปิดเวทีได้นั้น ทางด้านตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ชัชพิสิฐ นคราวงศ์ รอง ผบก.ตร.ภ.จว.สตูล นั่งเป็นประธานคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในครั้งนี้ ได้ตั้งข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ชุมนุม
โดยมีรายชื่อ 3 แกนนำที่ถูกกล่าวหา ตามพ.ร.บ.ชุมนุม คือนายสมบูรณ์ คำแหง นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี และนายไกรวุฒิ ชูสกุล ซึ่งยังไม่มีการกล่าวหาโทษเพิ่มเติมอย่างไร จนกว่าจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานนั้น
ด้านนายไกรวุฒิ ชูสกุล หนึ่งในเครือข่ายติดตามแผนพัฒนาจังหวัด ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในครั้งนี้ ยังคงยืนยันว่าการออกมาในครั้งนี้ของประชาชน ไม่ได้ชุมนุมทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นการออกมาปกป้องสิทธิ์ ในการปกป้องทรัพยากรของชุมชน ของประเทศชาติไม่ให้เกิดความเสียหาย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้นำหนังสืออย่างเป็นทางการ เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และส่วนที่เกี่ยวข้องให้มีการยุติเวทีในครั้งนี้ที่ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากขั้นตอนกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม โดยให้มีการพูดคุยหารือกับชาวบ้านกันก่อน ที่จะเปิดเวทีในครั้งนี้ขึ้น พร้อมกันนี้เห็นว่า เวทีค.1 เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของการพยายามเดินหน้าโครงการแลนบริด สงขลา-สตูล ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดไม่หมด ความเดือดร้อนไม่ใช่มีแค่ชาวสตูล แต่ชาวสงขลาซึ่งเป็นผู้ร่วมชะตากรรมก็ได้รับผลกระทบด้วย และพี่น้องทั้งประเทศก็ควรรับรู้ ไม่ใช่มารับรู้แค่โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราเท่านั้น โครงการอื่นๆที่ตามมาก็ต้องบอกให้หมด
อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายผู้มีความคิดเห็นต่างเล็งว่า การเปิดเวทีคู่ขนาด นำงบประมาณมาจากไหนนั้น ยินดีให้ตรวจสอบเพราะข้าวทุกมื้อ-ปลาทุกตัวที่มีการเลี้ยงนั้น มาจากทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน และน้ำใจของแต่ละชุมชนที่นำข้าวหม้อแกงหม้อมาช่วยกัน
อีกทั้งวงดนตรีศิลปินต่างๆไม่มีการว่าจ้าง ทุกคนต้องการออกมาแสดงพลังปกป้องทรัพยากร ที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของสมบัติ การจำหน่ายเสื้อ การเปิดกล่องรับบริจาค เป็นรายได้ที่เข้ามา ซึ่งก็ยังเป็นหนี้ในการจัดเวทีครั้งนี้ ซึ่งยินดีให้มีการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยให้ปปช., สตง.ลงร่วมตรวจสอบด้วย
นอกจากนี้ หากตรวจสอบพวกตนก็ต้องตรวจสอบฝ่ายที่มีความเห็นต่าง บริษัทที่รับงบมา 120 ล้านบาทจากรัฐบาลมาทำ EHIA ด้วยถึงจะยุติธรรม