กรมโรงงานฯ สั่งฟัน บ.แวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิลฯ แจ้งความ ให้จ่ายชดเชยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ (22 มี.ค. 60)
มติชนออนไลน์ 22 มีนาคม 2560
กรมโรงงานฯสั่งฟัน บ.แวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิลฯ แจ้งความ ให้จ่ายชดเชยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
จากกรณี ชาวบ้าน ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้รับผลกระทบจากสารพิษปนเปื้อนในแหล่งน้ำใต้ดิน จากโรงงานกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม บริษัท แวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่มีเรื่องร้องเรียนมากว่า 10 ปี แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนปัจจุบันสารพิษได้แพร่กระจายลงไปสู่ระบบน้ำบาดาลและน้ำผิวดิน (ลำห้วยน้ำพุ) บริเวณใต้โรงงานระยะทางกว่า 500 เมตร ล่าสุด กรมวิชาการเกษตรแจ้งยกเลิก GAP กับชาวบ้าน ม.1 ที่ปลูกพืชผักและผลไม้ พร้อมสั่งระงับห้ามใช้น้ำจากลำห้วย ที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) ตรวจพบสารพิษปนเปื้อนนั้น
วันที่ 22 มีนาคม นายสุวรรณ นันทศรุตร รองอธิบดี คพ. เปิดเผยว่า คพ.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง ในประเด็นปัญหากลิ่นเหม็น และการปนเปื้อนมลพิษในลำห้วยน้ำพุ รวมทั้งสระน้ำใช้ บ่อน้ำตื้น/บ่อน้ำบาดาลของประชาชนบริเวณใกล้เคียงโรงงาน ผลการตรวจสอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 – 2559 ปรากฏว่า มีสภาพที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นลักษณะเป็นกลิ่นของสารเคมีและน้ำมัน ในพื้นที่ของสถานประกอบการ โดยมีผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำใต้ดิน 3 ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 และ 14 มิถุนายน 2559 ปรากฏว่าคุณภาพน้ำในบ่อสังเกตการณ์และบ่อน้ำของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงโรงงานไปทางทิศใต้ มีค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายและโลหะหนัก ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำใต้ดิน และผลการศึกษาทิศทางการไหลของน้ำใต้ดินโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็ยืนยันว่าไหลจากบริเวณภายในโรงงานลงไปยังแหล่งน้ำห้วยน้ำพุและพื้นที่ของประชาชน
“จึงสรุปและบ่งชี้ได้ว่าการปนเปื้อนของน้ำใต้ดินภายในโรงงานดังกล่าวได้แพร่กระจายออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก รวมทั้งผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดินจากห้วยน้ำพุและน้ำซับในพื้นที่ของประชาชนบริเวณใกล้เคียงโรงงานของบริษัท ของ คพ. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 พบการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในบริเวณที่ติดกับโรงงานและบริเวณที่อยู่ใต้โรงงานประมาณ 500 เมตร โดยเป็นชนิดสารกลุ่มน้ำมัน/สารสังเคราะห์และตัวทำละลายที่ใช้มากในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่บริเวณต้นห้วยและท้ายห้วยน้ำพุ ตรวจไม่พบสาร VOCs โดยจุดตรวจวัดที่พบการปนเปื้อนสูงสุดอยู่ติดกับโรงงาน ซึ่งยังตรวจพบบริเวณที่มีน้ำไหลซึมออกมาจากคันดินใต้พื้นที่ของโรงงาน ลงสู่ห้วยน้ำพุด้วย” นายสุวรรณกล่าว
รองอธิบดี คพ.กล่าวว่า ได้นำเสนอเรื่องนี้ เข้าคณะกรรมการว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (กป.วล.) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมมีมติให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหากรณีบริษัท แว็กซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งล่าสุด กรอ. ได้มีคำสั่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจพิสูจน์และแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนน้ำใต้ดิน สรุปได้ว่า กรอ. จะขุดเจาะสำรวจพื้นที่โรงงานของบริษัท เพื่อตรวจสอบหาสารปนเปื้อนและจะอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งให้โรงงาน บำบัดฟื้นฟูพื้นที่โดยเร็วต่อไป จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และคณะทำงาน จะร่วมลงพื้นที่และเข้าหารือและตรวจสอบโรงงานของบริษัท ในเบื้องต้น ในวันที่ 27 มีนาคม 2560
“ปัจจุบัน คพ. ได้ดำเนินการกล่าวโทษบริษัท ในความผิดที่ได้กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ และเททิ้งหรือทำด้วยประการใดๆ ให้น้ำมันหรือเคมีภัณฑ์หรือสิ่งใดๆ ลงแม่น้ำลำคลองสาธารณะ รวมทั้งได้ประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรวบรวมค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงานของบริษัท ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แล้ว สำหรับในส่วนของประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการโรงงานดังกล่าวนั้น ประชาชนสามารถดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายค่าสินไหมทดแทนจากการประกอบกิจการได้เองโดยหน่วยงานของรัฐไม่สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้แทนประชาชนได้” นายสุวรรณกล่าว