กฟผ. เร่งแผน "โซลาร์เซลล์ลอยน้ำ" 500 เมกะวัตต์ (20 มี.ค. 60)
energynews 20 มีนาคม 2560
กฟผ.เร่งแผนโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ500เมกะวัตต์
กฟผ.เร่งแผนโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ 500 เมกะวัตต์ เพื่อเสนอให้รวมอยู่ในแผนพัฒนาพีดีพีที่จะมีการปรับปรุงใหม่ โดยเตรียมนำร่องใน3 พื้นที่คือ ที่ วังน้อย โรงไฟฟ้าแม่เมาะ และโรงไฟฟ้า กระบี่ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี2561 นี้
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า แผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซล่าร์เซลล์) แบบทุ่นลอยน้ำ 500 เมกะวัตต์ จะถูกนำเสนอรวมอยู่ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์ ที่จะเสนอกลับไปให้ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณาอีกครั้ง ในอีก 1-2 เดือนนี้ จากเดิมที่ได้เคยนำเสนอไปแล้วเมื่อเดือนธ.ค.2559 ที่ผ่านมา แต่ ทางกระทรวงพลังงานให้ กฟผ.กลับมาจัดทำแผนในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้กระทวงพลังงานพิจารณาบรรจุแผนดังกล่าวรวมอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ(พีดีพี)ฉบับใหม่ เมื่อมีการปรับปรุงแผนหรือจัดทำแผนพีดีพีประเทศใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้เดิม กฟผ.มีแผนพัฒนาพลังงานทดแทนอยู่แล้ว500 เมกะวัตต์ ซึ่งบรรจุอยู่ในPDP2015 อยู่แล้ว แต่มีการนำมาทบทวนใหม่เพื่อเพิ่มการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอีก1,500 เมกะวัตต์ โดยจะมุ่งพัฒนาไปที่โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซล่าร์เซล) แบบทุ่นลอยน้ำอีก 500 เมกะวัตต์ โดยหากได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน จะทำให้กฟผ.มีกำลังการผลิตในส่วนของพลังงานทดแทนรวม2,000 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน กฟผ. ได้เตรียมนำร่องโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ ขนาด 2 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุดในไทยขณะนี้ ใน 3 พื้นที่คือ คือโรงไฟฟ้าวังน้อยเป็นแห่งแรกในปี 2561 และทยอยซีโอดีในอีก 2 แห่งที่เหลือคือบริเวณโรงไฟฟ้าแม่เมาะ และอ่างเก็บน้ำโรงไฟฟ้ากระบี่ ต่อเนื่องไป ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนแห่งละ ประมาณ140 ล้านบาท หากโครงการนำร่องดังกล่าวประสบผลสำเร็จ กฟผ.จึงจะขยายขนาดพื้นที่และกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในเขื่อนขนาดใหญ่ของ กฟผ. ต่อไป โดยเฉพาะที่เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนภูมิพล ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมปริมาณไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์ได้
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กฟผ.ได้ทำการวิจัยโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำร่วมกับระบบติดตามดวงอาทิตย์แบบถ่วงน้ำหนักด้วยน้ำ ขนาด 30.24 กิโลวัตต์ ที่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่ปี 2558 แต่พบว่าทุ่นที่เป็นโฟมลอยน้ำของไทยยังมีต้นทุนสูงกว่าตลาดต่างประเทศ ดังนั้นหาก กฟผ.จะทำโซล่าร์เซลล์ลอยน้ำในพื้นที่ใหม่ คาดว่าจะใช้วิธีซื้อวัสดุโดยเฉพาะทุ่นลอยน้ำจากต่างประเทศแทน
สำหรับโซล่าร์เซลล์ลอยน้ำ นอกจากจะช่วยผลิตไฟฟ้าเพื่อลดยอดการไฟฟ้าสูงสุด(พีค) ของประเทศแล้ว ยังช่วยให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม เพราะตั้งอยู่บนผิวน้ำ ป้องกันการระเหยของน้ำได้ ซึ่งเหมาะสมกว่าตั้งบนพื้นดินซึ่งมีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร
ข้อมูลจากกฟผ.ระบุถึงแผนเดิมที่ กฟผ.จะมีการลงทุนด้านพลังงานทดแทน จำนวนประมาณ 513 เมกะวัตต์ นั้นแบ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 171 เมกะวัตต์ ตามด้วยพลังงานลม 168 เมกะวัตต์ พลังน้ำขนาดเล็ก 116 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพ 58 เมกะวัตต์ ส่วนแผนใหม่ที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น2,000เมกะวัตต์นั้นจะหันมาเน้นการลงทุนในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล (Biomass) จำนวน 1,032 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ 486 เมกะวัตต์ พลังงานลม 307 เมกะวัตต์ พลังน้ำขนาดเล็ก 125 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าจากขยะ 43 เมกะวัตต์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ 2 เมกะวัตต์