ศาลปกครองเชือด "ถ่านหินสมุทรสาคร" ยุติกิจการ ชี้มีลักษณะโรงงาน-พื้นที่สีเขียว (18 ก.ค. 56)

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2556
ศาลปกครองเชือด "ถ่านหินสมุทรสาคร" ยุติกิจการ ชี้มีลักษณะโรงงาน-พื้นที่สีเขียว


ชาวสมุทรสาคร แสดงความดีใจหลังศาลปกครองพิพากษาว่า
อบต.ท่าทรายละเลยการปฏิบัติหน้าที่กรณีอนุญาตให้บริษัทเทคนิทีมประกอบกิจการผลิตขนถ่ายถ่านหินในพื้นที่

ศาลปกครองกลางพิพากษาสั่ง อบต.ท่าทราย-อุตสาหกรรมสมุทรสาคร แก้ไขการอนุญาตให้บริษัทถ่านหินในสุมทรสาคร ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลังพบการคัดแยกขนาดถ่านหินมีลักษณะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถก่อตั้งในพื้นที่สีเขียวประเภทชนบทและเกษตรกรรมได้ ภรรยา “ทองนาค” แกนนำสุดดีใจ ลมหายใจสามีต่ออายุพี่น้องชาวสมุทรสาคร

วันนี้ (18 ก.ค.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าทราย จ.สมุทรสาคร ดำเนินการให้บริษัท เทคนิทีม (ประเทศไทย) จำกัด แก้ไขการขออนุญาตก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522 รวมทั้งให้ อบต.ท่าทราย และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุมทรสาคร ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงาน และกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขตามอำนาจหน้าที่ของตนในการสั่งห้ามมิให้บริษัท เทคนิทีมฯ ใช้อาคารที่ก่อสร้างประกอบกิจการโรงงานเกี่ยวกับการทำเชื้อเพลิงก้อน หรือเชื้อเพลิงสำเร็จรูปจากถ่านหินในท้องที่ ต.ท่าทราย ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
       
ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวมาจากการที่ นายทองนาค เสวกจินดา กับพวกรวม 20 คน ฟ้อง อบต.ท่าทราย กับพวกรวม 3 ราย ว่าละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้บริษัท เทคนิทีม (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการขนถ่าย ขนส่ง และกักเก็บถ่านหิน ตลอดจนก่อสร้างท่าเทียบเรือเพื่อขนส่งถ่านหิน บริเวณริมแม่ท่าจีน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการดังกล่าว และถ่านหินเป็นวัตถุอันตรายมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน ทำให้ผู้อาศัยบริเวณดังกล่าวเดือดร้อนเสียหาย และทำให้ นายทองนาค ที่เป็นแกนนำคัดค้านเรื่องดังกล่าวถูกยิงเสียชีวิต
       
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาระบุว่า เนื่องจากบริษัท เทคนิทีมฯ ไม่ได้ยื่นแผนผังบริเวณแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรือรายการคำนวณอาคารที่จะก่อสร้าง รวมทั้งอาคารที่จะทำการก่อสร้างเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ซึ่งต้องระบุไว้ในใบอนุญาต แต่ก็ไม่พบว่า อบต.ท่าทราย ได้มีการเรียกตรวจเอกสารดังกล่าว จึงเท่ากับว่าการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับบริษัท เทคนิคทีมฯ ของ อบต.ท่าทราย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
       
ขณะที่สถานประกอบการของบริษัท เทคนิทีมฯ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทประกอบกิจการค้าถ่านหินบิทูนิมัส ผงถ่านหินอัดเป็นก้อนรูปเหลี่ยม รูปไข่ และเชื้อเพลิงแข็งที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการผลิตจากถ่านหิน โดยใช้กำลังเครื่องจักร แม้ไม่ปรากฏชัดว่ามีขนาดตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป หรือมีคนงานตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป แต่มีการประกอบการบรรจุ ลำเลียง เก็บรักษา และมาทำเป็นเชื้อเพลิงก้อนหรือเชื้อเพลิงสำเร็จรูปในลักษณะคัดขนาดเพื่อการจำหน่าย แม้จะไม่มีกระบวนการอัดผงถ่านหินให้เป็นแท่งหรือเป็นก้อน ย่อมถือได้ว่าเป็นการประกอบกิจการโรงงานเกี่ยวกับการทำเชื้อเพลิงก้อนหรือเชื้อเพลิงสำเร็จรูปจากถ่านหิน จึงย่อมถือเป็นการประกอบกิจการโรงงานประเภทหรือชนิดที่ 50(3) ของกฎกระทรวงออกตามความใน พ.ร.บ.โรงงาน 2535
       
และเมื่อสถานประกอบการของบริษัท เทคนิทีมฯ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ต.ท่าทราย ทั้ง 5 แปลงอยู่ในบังคับผังเมืองรวมตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสาคร 2550 ที่กำหนดเป็นพื้นที่สีเขียวประเภทชนบทและเกษตรกรรมข้อ 13 ที่กำหนดห้ามมิให้มีการตั้งโรงงาน หรือประกอบอุตสาหกรรมใด เว้นแต่โรงงานบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน ดังนั้นเมื่อบริษัท เทคนิทีมฯ ใช้อาคารคลังสินค้าดังกล่าว เป็นสถานประกอบการซึ่งถือเป็นโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535 การจะดำเนินการได้ก็ต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครก่อนเท่านั้น
       
อบต.ท่าทราย และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร จึงมีหน้าที่ต้องให้บริษัท เทคนิทีมฯ ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการ เป็นเหตุให้บริษัท เทคนิทีมฯ ประกอบกิจการโรงงานประเภทดังกล่าวในพื้นที่สีเขียวประเภทชนบทและเกษตรกรรมมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2551 ซึ่งเป็นวันที่บริษัท เทคนิทีมฯ ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารอันเป็นที่ตั้งโรงงานดังกล่าวจาก อบต.ท่าทราย จึงต้องถือว่าเป็นวันที่บริษัท เทคนิทีมฯ เริ่มใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานเกี่ยวกับการทำเชื้อเพลิงก้อน เชื้อเพลิงสำเร็จรูปจากถ่านหินที่แต่งแล้วโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 27 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ผังเมือง ปี 2518 พฤติการณ์ของ อบต.ท่าทราย และสำนักงานอุตสาหกรรม จ.สมุทรสาคร จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ จึงมีคำพิพากษาดังกล่าว
   
ทั้งนี้ระหว่างที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้คำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ที่ให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ทั้งการลำเลียง การเก็บกอง การขนถ่าย การขนส่ง หรือการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ อบต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นั้นมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะพ้นระยะเวลาอุทธรณ์ หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น    

ซึ่งหลังมีคำพิพากษา ด้าน นางจอมขวัญ เสวกจินดา ภรรยาของนายทองนาค กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ลมหายใจของสามีสามารถต่ออายุให้กับพี่น้องลูกหลานต่อไป เนื่องจากโรงงานดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก