ก.แรงงาน ยันปิด "เหมืองทองอัคราฯ" ไม่กระทบพนักงานถูกเลิกจ้าง (16 ธ.ค. 59)
Thai PBS 16 ธันวาคม 2559
ก.แรงงาน ยันปิดเหมืองทองอัคราฯไม่กระทบพนักงานถูกเลิกจ้าง
กระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการดูแลพนักงานบริษัทอัคราฯ จากคำสั่งปิดเหมืองแร่ทองคำสิ้นปีนี้ เนื่องจาก บริษัทรับทราบ และได้แจ้งพนักงานกว่า 1,000 คนล่วงหน้ากว่า 6 เดือนแล้ว
ผลจากคำสั่งตามมาตรา 44 ของหัวหน้าคสช. ทำให้ บริษัทอัครา รีซอร์สเซส ที่ต้องหยุดประกอบกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานที่อยู่ในสถานะถูกเลิกจ้าง ประมาณ1,004 คน
วันนี้ (16ธ.ค.2559) นายวรานนท์ ปิติวรรณ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า ได้เตรียมแผนงาน ร่วมกับ บริษัทเหมืองแร่ และระดับจังหวัด เพื่อรองรับการเลิกจ้างตั้งแต่รอบแรก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประมาณ 50 คน ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่แจ้งความประสงค์ยังไม่ต้องการงานใหม่ ส่วนการเลิกจ้างอีกเกือบ 1,000 คน จะทะยอยมีผลในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และเดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นเดือนสุดท้าย ส่วนการจัดหางานใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของพนักงาน
“กระทรวงแรงงาน ได้หารือเตรียมพร้อมการเลิกจ้าง ซึ่งบริษัทอัคราฯรับทราบเมื่อ 6 เดือนแล้ว จึงถือว่าสถานการณ์ไม่น่ากังวล เพราะมีการหารือร่วมกันมาตลอดทั้งระดับกระทรวง จึงหวัด และบริษัทเหมืองแร่ เบื้องต้นมีการบรรรุงานไปแล้ว 10 คน และจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีลูกจ้างรายไหนมาร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เท่าทราบบริษัทฯมีการเตรียมค่าชดเชยไว้รองรับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างไว้แล้ว”รองปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุ
สำหรับผลจากคำสั่งตามาตรการ 44 ยังทำให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการร้องเรียนของชาวบ้านในช่วงที่ผ่านมา 2 ปีนี้ต่อไป จากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จะให้บริษัทอัคราฯ ส่งแผนงานฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและชุมชน ภายหลังปิดกิจการ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเป็นฝ่ายกำกับให้เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาการฟื้นฟูมากกว่า 1 ปี กระทรวงแรงงานจะดูแลพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง
ส่วน กระทรวงสาธารณสุขยังต้องรับผิดชอบ หาหนทางแก้ปัญหาสารโลหะหนักในร่างกายชาวบ้านที่สูงเกินค่ามาตราฐาน ขณะที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกันทำหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์ วินิจฉัยปัญหาและข้อเท็จจริง เพื่อเสนอแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนรอบเหมืองแร่ทองคำ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาระยะยาวของพื้นที่รอบเหมืองแร่ทองคำ