รวบซี 8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม จ้างฆ่า “ผู้ใหญ่จบ” ชี้ปมต้านบ่อน้ำเสีย (13 เม.ย. 56)
เดลินิวส์ออนไลน์ 13 เมษายน 2556
รวบซี 8 กรมโรงงานฯ จ้างฆ่าผู้ใหญ่จบ ชี้ปมต้านบ่อน้ำเสีย
รวบข้าราชการซี 8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม จ้างวานฆ่า “ผู้ใหญ่จบ” ชี้ ปมขัดแย้งส่วนตัว-ต่อต้านบ่อน้ำเสีย เตรียมจับเพิ่มอีก 1 ราย ด้านเมีย หอบดอกไม้-มะม่วงขอบคุณ เชื่อตำรวจจับถูกตัว ยันสู้ไม่ถอย
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.สมบัติ บัวเรือง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาก่อคดีฆ่านายประจบ หรือผู้ใหญ่จบ เนาวโอภาส ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายภูธร กวีพันธ์ อายุ 42 ปี ข้าราชการระดับ 8 สำนักจัดการน้ำ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้จ้างวาน อยู่บ้านเลขที่ 9/73 หมู่บ้านปรีชา ซ.รามคำแหง 158 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง ตามหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 255/2556 ลง 10 เม.ย. โดยจับกุมได้ที่บ้านพักดังกล่าว พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กล้องถ่ายภาพ 1 เครื่อง
จ.อ.ยุทธนัย หรือ อ้วน นาแจ้ง อายุ 32 ปี คนขับรถและจัดหาอาวุธปืน อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 2 ต.โพรงจรเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 257/2556 ลงวันที่ 10 เม.ย. โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมของกลางอาวุธขนาด 11 มม. ซองกระสุนปืน 4 ซอง เครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. 22 นัด อาวุธปืนลูกซองยาวเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง ซิมการ์ด 8 อัน และทรัพย์สินอื่นๆ อีก 37 รายการ และ จ.อ.อ.อนุ บุญเพ็ง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130/38 ม.5 ต.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 256/2556 ลงวันที่ 10 เม.ย. ถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 12 ม.1 ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ และตรวจยึดมือถือพร้อมซมการ์ด 1 เครื่อง
ทั้งนี้สามารถจับกุมได้พร้อมกันในวันที่ 12 เม.ย. ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ทะเบียน กค-8045 สุราษฏร์ธานี ได้ที่ลานจอดรถ แฟลตข้าราชการทหารอากาศ ประทวน 8 แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ซึ่งเชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นแจ้งข้อหานายภูธร ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ จ้างวาน หรือ สนับสนุน ให้ผู้อื่น ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนยิง โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร และยิงอาวุธปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน และแจ้งข้อหา จ.อ.อ.ยุทธนัย และ จ.อ.อ.อนุ ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนยิง โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร และยิงอาวุธปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยจะนำตัวนายภูธรไปฝากขังที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราภายในวันนี้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย จะนำตัวไปฝากขังในวันที่ 15 เม.ย.นี้ ต่อไป
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ตำรวจมีความตั้งใจในการสืบสวนคดีดังกล่าว จนสามารถคลี่คลายคดีได้เร็ว โดยคดีนี้ถือเป็นความสำเร็จของ ผบช.ภ. 2 ที่มี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติและ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ช่วยติดตามพร้อมทั้งให้คำแนะนำจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ และได้หลักฐานทุกเรื่องที่นิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกัน สามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้ โดยเชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีจะทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการลงโทษ
พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากคดียิงนายประจบ ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน รวมถึงนำหลักฐานให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว จึงได้ขออนุญาตศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย คือ จ.อ.อ.อนุ เป็นผู้ลงมือยิง จ.อ.อ.ยุทธนัย คนขับรถพาหลบหนี และนายภูธร เป็นผู้จ้างวานฆ่า โดยจ.อ.อ.ยุทธนัยและนายภูธรยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย เป็นทหารยศจ่าอากาศเอกที่จะเข้ามาร่วมลงมือด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามรวบรวมหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำดัง กล่าวอย่างไร
ทั้งนี้ในเบื้องต้นจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่าสาเหตุการฆ่านายประจบไม่ได้ เป็นการลงขันเพื่อจ้างวานฆ่าแต่อย่างใด แต่เป็นการจ้างของผู้ที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องส่วนตัวและปัญหาโรงงาน บำบัดน้ำเสียและสารเคมีภาคอุตสาหกรรมที่ลักลอบทิ้งสารเคมีลงในบ่อบำบัดน้ำ เสีย ทำให้มีสารเคมีไหลลงมาในแหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้อยู่ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนจึงร่วมกันต่อต้านการกระทำดังกล่าว โดยผู้ตายเป็นแกนนำหลักในการต่อต้านและมีการทะเลาะชกต่อยกันถึงขั้นฟ้องร้อง ในชั้นศาลมาแล้วหลายครั้ง การลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานการติดต่อกันระหว่างนายภูธร และผู้ร่วมก่อเหตุให้ฆ่านายประจบ ถือเป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัวผู้กระทำผิด
จากการสอบสวน จ.อ.อ.อนุ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้ฆ่านายประจบเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยจ.อ.อ.ยุทธนัย ได้นำไปใช้ซื้อรถยนต์และปืนที่ใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว 300,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือได้นำมาแบ่งกัน โดยตนได้รับเงินค่าจ้างในการยิงนายประจบ 300,000 บาท ทั้งนี้ หลังตกลงรับจ้างแล้ว พวกตนและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ยังจับตัวไม่ได้ไปซุ่มดูพฤติกรรมนายประจบอยู่ 3 ครั้ง แต่ละครั้งซุ่มดูนานเกือบหนึ่งสัปดาห์ และได้ติดต่อกับนายภูธรตลอดเวลา โดยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 18-25 ก.พ. ได้มาพักที่โรงแรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ก่อนจะลงมือเพื่อนอีกคนได้ขอถอนตัวไป ทั้งนี้รถคันที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถทะเบียนปลอม เมื่อก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยแล้วได้นำแผ่นป้ายทะเบียนไปโยนทิ้งไว้ที่ จ.นครนายก ส่วนปืนที่ก่อเหตุนำไปฝากไว้ที่กรมทหาร เพื่อปกปิดความผิด
ด้านนางอรุณรัตน์ เนาวโอภาส อายุ 41 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมครอบครัว และประชาชนในพื้นที่กว่า 80 รายทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ยิงสามีได้ จึงได้เดินทางมาขอบคุณ โดยได้นำช่อดอกไม้ และมะม่วงน้ำดอกไม้ สินค้าส่งออกมามอบให้ ตนเชื่อว่าการจับกุมคนจ้างวานรายนี้ เป็นการจับกุมที่ถูกตัวแล้ว เพราะก่อนสามีเสียชีวิต 2-3 สัปดาห์ ได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าเกิดเสียชีวิตไปก็เป็นฝีมือของนานยภูธรอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใครที่ไหนอีก นอกจากนี้ยังเคยมีปากเสียงทะเลาะกันหลายครั้ง ตั้งแต่เข้าทำงานเกี่ยวกับต่อต้านการทิ้งขยะเมื่อปี 2552 โดยสามีออกมาเรียกร้อง กระทั่งมีการฟ้องร้องกันในศาล สามีถูกนายภูธรฟ้องในข้อกล่าวหา ใช้เครื่องขยายเสียงหมิ่นประมาท แต่ศาลยกฟ้อง หลังจากนั้นก็มีปัญหากันมาตลอด ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
"ส่วนเรื่องการต่อต้านโรงงานดังกล่าว นายจร เนาวโอภาส อายุ 45 ปี ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล หนองแหน(อบต.) พี่ชายสามีและชาวบ้าน ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยตลอด จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องอาศัยน้ำจากภายนอกพื้นที่มาใช้ บางคนต้องไปซื้อน้ำมาใช้ หลังจากที่สามีเสียชีวิต ยังคงต้องลำบาก เพราะไม่ได้มีอาชีพอะไร โดยมีลูกทั้งหมด 3 คน ชาย 1 คน หญิง 2 คน ลูกชายคนโตต้องออกจากโรงเรียนมารับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว อย่างไรก็ตาม สามีเป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่คิดว่ามาเสียชีวิตแบบนี้ ทั้งนี้ จะไม่ใครยอมแพ้ ยืนยันว่าจะต่อสู้ร่วมกับชาวบ้านต่อไป" ภรรยานายประจบ กล่าว