กนอ. ผุดนิคมฯร่วมทีเอฟดี รับลงทุนในอีอีซี2.7 หมื่นล. (14 พ.ย. 59)

ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2559
กนอ.ผุดนิคมฯร่วมทีเอฟดี รับลงทุนในอีอีซี2.7 หมื่นล.


วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม

ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จับมือ กนอ. ตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ทีเอฟดี 2 กว่า 841 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา ขานรับนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนอีอีซี รับคลื่นนักลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มปีหน้า คาดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท เชื่อนโยบายทรัมป์ ไม่ฉุดภาวการณ์ลงทุน

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กนอ. ได้ลงนามในสัญญาร่วมกับ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพื้นที่ 841 ไร่ ในตำบลท่าสะอาด อำเภอบางปะกง จังหวัดชิงเทรา ในรูปแบบนิคมฯร่วมดำเนินงาน เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่ยังมีความต้องการพื้นที่ประกอบการในภาคตะวันออก ทั้งในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเดิม และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้การส่งเสริม ที่จะมารองการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ การจัดตั้งนิคมดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาพื้นที่นิคมฯรองรับอีอีซีในระยะ 5 ปีแรก(2560 -2565) ที่ภาครัฐและเอกชนมีแผนใช้พื้นที่อยู่ราว 3 หมื่นไร่ แบ่งเป็น พื้นที่นิคมฯที่พร้อมขายแล้ว 1.5 หมื่นไร่ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1.5 หมื่นไร่ ซึ่งในส่วนของนิคมฯทีเอฟดี ก็อยู่ในส่วนนี้

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 จะแบ่งเป็นพื้นที่ขาย ประมาณ 630 ไร่ และอีก 211 ไร่ จะเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียว และกำหนดเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไป โดยจะใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งจะรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนพลาสติก เพื่อเป็นส่วนประกอบในรถยนต์ รวมถึงโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงต่อการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และเกิดการจ้างงาน ประมาณ 4,500 คน จะดำเนินการพัฒนาให้แล้วเสร็จประมาณกลางปี 2561

นายวีรพงศ์ กล่าวอีกว่า ในการพัฒนานิคมฯ ทีเอฟดี 2 เชื่อว่าจะเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากมีศักยภาพด้านการดึงดูดการลงทุนของภาคตะวันออก และยังเป็นพื้นที่ที่มีระบบการขนส่งที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อเพื่อการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด รวมทั้งการเชื่อมโยงการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมไปยังระดับภูมิภาคอาเซียนและตลาดโลก

ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี ตั้งแต่ ปี 2550 มีผู้ประกอบการกว่า 23 ราย ประกอบกิจการอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก และโลหะ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ การให้บริการโรงงานมาตรฐาน การให้บริการให้เช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์โรงงาน และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยมีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ไทย ญี่ปุ่น จีน อเมริกา อังกฤษ ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อประสบความสำเร็จการดำเนินงานจึงได้มาจัดตั้งนิคมฯแห่งที่ 2 เกินขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

ส่วนกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้น คงจะไม่มีผลต่อภาวการณ์ลงทุนในประเทศไทยมากนัก เพราะยังมองว่าไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในภูมิภาคนี้ และสามารถที่จะรองรับการลงทุนของโลกได้ และช่วงที่ผ่านมากยังมีนักลงทุนเข้ามาซื้อหรือเช่าพื้นที่นิคมไม่ได้ลดลง ยิ่งเมื่ออีอีซีชัดเจนเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในช่วงกลางปีหน้า จะช่วยให้นักลงทุนเกิดความสนใจมาลงทุนมากยิ่งขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 – 16 พฤศจิกายน 2559