เครือข่ายฯไม่เอาโรงไฟฟ้าเทพา ถูกจนท.สกัดไม่ให้เข้ารีสอร์ทจัดงานลงนามเอ็มโอยู (9 พ.ย. 59)

มติชนออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2559
เครือข่ายฯไม่เอาโรงไฟฟ้าเทพา ถูกจนท.สกัดไม่ให้เข้ารีสอร์ทจัดงานลงนามเอ็มโอยู

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2559  เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน  นำโดย นายอิสดาเรส หะยีเด รองนายกเทศมนตรีตำบลเทพา และแกนนำเครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน เดินทางออกมารวมตัวกันหน้าเทพาบีชรีสอร์ทในพื้นที่ ม.4ต.ปากบาง อ.เทพา ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สืบเนื่องจากที่กฟผ.มีกำหนดในการทำMOUร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.)วิทยาเขตปัตตานี ในวันนี้  โดยวานนี้(08พฤศจิกายน)  ตัวแทนเครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน  ได้เดินทางขอทราบข้อเท็จจริง จาก รองอธิการบดี มอ.ปัตตานี และคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งได้มีการชี้แจงกับทางเครือข่ายฯแล้วว่าไม่มีการทำ MOU ใดๆกับทางกฟผ.ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามกลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวหน้าเทพาบีชรีสอร์ทและไม่สามารถเข้าไปยังภายในรีสอร์ทได้ เนื่องจากมีการปิดกั้นจากเจ้าหน้าที่ โดยภายในเทพาบีชรีสอร์ทก็ยังคงมีการจัดการชี้แจงเรื่องงานบริการทางวิชาการ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลด้านสังคมเศรษฐกิจและภาวะสุขภาพของประชาชนบ้านคลองประดู่  ตำบลปากบาง อำเภอเทพา โดยมีว่าที่พ.ต. อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ผศ.ดร.ศราวุธ เจ๊ะโส๊ะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และชาวบ้านกลุ่มสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง ซึ่งนายหมิด ชายเต็มหนึ่งในแกนนำเครือข่ายได้กล่าวว่า ขนาดเป็นเจ้าของพื้นที่ยังไม่มีสิทธิที่จะรับรู้เรื่องราวใดๆ กฟผ.คนนอกพื้นที่เพียงแค่เห็นชาวบ้านเสมือนคนโง่เท่านั้นเอง คอยให้เกิดความขัดแย้งและเกิดความแตกแยกภายใน

จากนั้นนายอิสดาเรส ได้อ่านแถลงการณ์ เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เรื่องหยุดการลงนาม MOU ลวงโลก หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ตอนหนึ่งระบุว่า ตามที่ปรากฏในข่าวแจกของ กฟผ.ต่อสื่อมวลชนว่า จะมีพิธีลงนามข้อตกลงงานบริการวิชาการระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ณ เทพาบีชรีสอร์ท โดยมีชื่อของ รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้ลงนาม และมี ผศ.ดร.ศราวุฒิ เจ๊ะโส๊ะ และ ผศ.ดร.อภิรดี แซ่ลิ่ม เป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยให้กับ กฟผ. นั้น

ทางเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้รับคำตอบจาก รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม ที่ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่า “ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่าตนมีชื่อในการลงนาม MOU และตนเองก็ไม่ได้คิดจะไปลงนาม แต่ถูก กฟผ.แอบอ้างใส่ชื่อนำไปลงในกำหนดการ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง” และอาจารย์ซุกรียืนยันว่า “ทางคณะจะไม่มีใครไปร่วมลงนามที่ว่านี้” พฤติกรรมลักไก่เช่นนี้เป็นพฤติกรรมของ กฟผ.นำโดย ดร.อนุชาติ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งทำเป็นประจำในการผลักดันโครงการ จนสร้างความเสียหายอย่างยิ่งต่อ กฟผ. หาก กฟผ.มีความลูกผู้ชาย อยากจะสร้างโรงไฟฟ้าให้ได้ ก็อย่าชกใต้เข็มขัด อย่าสร้างภาพลวงโลก อย่าหลอกลวงคนในพื้นที่ ให้เปลี่ยนทีมทำงานทั้งหมดเพราะหมดสภาพความน่าเชื่อถือนานแล้ว แล้วให้ทีมใหม่ที่เปิดกว้างสำหรับพลังงานสะอาด ให้มานั่งฟังข้อมูลจากชาวบ้านแล้วตอบคำถามชาวบ้านให้ได้ หากสอบผ่านจึงค่อยไปสร้าง หากสอบไม่ผ่านก็หยุดโครงการ ไปพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแทน เช่นนี้จึงจะถูกต้อง

สำหรับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นั้น ยังมีอาจารย์ 2 ท่านคือ อ.ศราวุฒิ เจ๊ะโส๊ะ และ อ.อภิรดี แซ่ลิ่ม ซึ่งดูเหมือนว่ายังเห็นแก่เศษเงินของ กฟผ. แม้ว่าจะเป็นสิทธิของนักวิชาการที่จะทำได้ในนามส่วนตัว แต่เมื่อรับเงิน กฟผ.มาทำวิจัยแล้ว ข้อมูลที่ได้จะมีความเป็นกลางความน่าเชื่อถือได้อย่างไร เมื่องานวิจัยไม่มีความน่าเชื่อถือจึงเท่ากับเป็นงานวิจัยจอมปลอม ซึ่งเท่ากับสมรู้ร่วมคิด ยอมเป็นเครื่องมือให้ กฟผ.ใช้หลอกลวงประชาชน

การรับเงิน กฟผ. มาเก็บข้อมูล เท่ากับรับเงินบาปหรือเงินหะรอม ซึ่งหมายถึงเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเงินนี้มีผลประโยชน์แอบแฝงเพียงต้องการใช้ความเป็นอาจารย์สงขลานครินทร์เป็นเครื่องมือในการฟอกขาวถ่านหิน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิชาการที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทางเครือข่ายฯจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะไม่มีนักวิชาการของ มอ.คนใดขายตัวให้กับทุนถ่านหิน ถ้าหากมีคนใดทำเช่นนั้น ก็ควรที่ประชาคมนักวิชาการใน มอ.จะลงโทษไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

การลงนามในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 นี้ เมื่อทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ชี้ชัดว่า เป็นการจัดการลงนามที่ลวงโลก มอ.ไม่ได้จะมาลงนามด้วย จึงเท่ากับเป็นการจัดฉากสร้างภาพของ กฟผ.ที่หลอกลวงสังคม จึงควรที่จะต้องยกเลิกไป

เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต้องขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่มีความชัดเจนในการเคียงข้างประชาชน เคียงข้างความถูกต้อง ไม่ยอมเป็นผงฟอกขาวให้กับถ่านหินสีดำ และต้องขอประณามการที่ กฟผ.ที่ทำกำหนดการปลอมที่อ้างชื่อแม้กระทั่งคณบดี และการจัดกิจกรรมสร้างภาพโกหกลวงโลกอย่างไม่จริยธรรมของ กฟผ.

เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขอยืนยันว่า จะคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาให้ถึงที่สุด เพื่อหยุดหายนะต่อชุมชน หยุดการทำลายสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการหยุดภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ได้ร่วมขับเคลื่อนรณรงค์หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยไปพร้อมๆกัน

จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้ทยอยเดินทางกลับ