แฉ! กฟผ.มัดมือชกให้ ม.อ.เซ็น MOU ร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ด้านคณบดียันไม่มีการเซ็นใดๆ ทั้งสิ้น (8 พฤศจิกายน 2559)
MGR Online 8 พฤศจิกายน 2559
แฉ! กฟผ.มัดมือชกให้ ม.อ.เซ็น MOU ร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ด้านคณบดียันไม่มีการเซ็นใดๆ ทั้งสิ้น
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ม.อ.แฉ! กฟผ.มัดมือชกให้เซ็น MOU ร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ด้านคณบดีฯ ยืนกรานจะไม่มีการเซ็นลงนามร่วมใดๆ ทั้งสิ้นในนามของมหาวิทยาลัยฯ แต่ในส่วนของนักวิชาการก็เป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไป
วันนี้ (8 พ.ย.) เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้เดินทางเข้าพบรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กรณีที่มีเอกสารจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เซ็น MOU ร่วมกับทาง กฟผ. กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ณ เทพาบีช รีสอร์ต อ.เทพา จ.สงขลา โดยทางเครือข่ายฯ เดินทางเพื่อมาสอบถามความจริงว่า จะมีการเซ็น MOU ตามที่ กฟผ.อ้างหรือไม่ เนื่องจากกรณีโครงการจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เป็นโครงการที่มีปัญหาถูกคัดค้านจากหลายภาคส่วนมาโดยตลอด แต่ กฟผ.ยังเดินหน้าจะสร้างโครงการอย่างต่อเนื่อง
รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้มาพบกับทางเครือข่ายฯ เพื่อรับทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาของเครือข่ายฯ และได้กล่าวยืนยันต่อทางเครือข่ายฯ ว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะไม่มีการลงนามความร่วมมือ หรือเซ็น MOU กับ กฟผ. แต่ในส่วนตัวของนักวิชาการที่รับทำวิจัยก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในนามมหาวิทยาลัยฯ จะไม่มีการลงนาม
ด้าน รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้กล่าวชี้แจ้งต่อทางเครือข่ายฯ ว่า ที่ผ่านมา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทำงานกับพี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนาน อย่างเช่น ทำเรื่องเขื่อนสายบุรี ทำเรื่องอ่าวปัตตานี และทำเรื่องเหมืองลิกไนต์ทุ่งพอ เป็นต้น แต่ในส่วนของเรื่องการเซ็น MOU นั้น อาจารย์สมพร และพี่ละม้าย ได้ส่งกำหนดการมาให้ดู และถามมาด้วยความเป็นห่วง เพราะทั้ง 2 คนไม่เชื่อว่า ผมจะไปลงนาม MOU ผมก็ตอบไปว่า ที่อาจารย์สมพร และพี่ละม้าย เชื่อนั้นถูกต้องแล้ว
โดยเหตุเกิดเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการประสานงานจาก กฟผ. จะให้มีการลงนาม MOU เพื่อทำงานวิชาการร่วมกัน ผมก็ถามว่า ลงนามอะไรกัน ก็ได้คำตอบมาว่า ลงนามนี้... (ไม่มีรายละเอียด) ผมถึงบอกว่า หากลงนามในนามคณะ ผมไม่ประสงค์ที่จะลงนาม และผมจะไม่ไปลงนาม ด้วยเหตุผลคือ
1.การลงนามมันไม่ใช่เรื่องของคณะ (คณะวิทยาศาสตร์) มันเป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยฯ และมหาวิทยาลัยฯ ต้องมีนโยบาย
2.วิธีการที่ กฟผ.ทำอย่างนั้นผมไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการมัดมือชกให้ไปลงนาม เมื่อกำหนดการนี้ออกมาผมเห็นผมก็ตกใจ ก็ให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยัง กฟผ. ซึ่งทาง กฟผ.ก็ตอบว่า กำหนดการที่เขียนนั้นเป็นกำหนดการที่ร่างก่อนที่จะมาทาบทามผม ผมก็พูดว่าในเมื่อดำเนินการไปแล้ว ใครจะมารับผิดชอบความเสียหายแทนผม วันนี้ผมจึงขอชี้แจ้งต่อพี่น้องว่า การลงนามนั้นไม่มี แม้แต่อาจารย์ของคณะก็ไม่มีไปลงนาม เพราะไม่ได้มีการมอบให้ไปลงนาม
แต่ถ้าจะมีอาจารย์บางท่านไปซึ่งผมไม่แน่ใจ ถ้ามี ถ้าไปไม่ใช่การลงนาม แต่ไปเป็นการส่วนตัว เพราะโดยคณะเราให้อิสระทางวิชาการ เพราะแม้แต่ อาจารย์สมพร ไปทำงานกับพวกเรา (ชาวบ้าน) ผมก็ถูกตั้งคำถามจากหน่วยงานต่างๆ แต่ผมบอกว่า นโยบายของคณะให้อิสระแก่อาจารย์ในการไปทำงานวิชาการ โดยนโยบายเป็นอย่างนี้
ส่วนประเด็นที่มีอาจารย์ไปทำงานกับ กฟผ. ด้านสภาวะเศรษฐกิจสังคม การทำมาหากิน สุขภาพของชาวบ้าน ต้องบอกว่ามี แต่ไม่ใช่การจ้างแบบที่ต้องทำสัญญาว่าจ้าง เพราะเป็นเรื่องไปทำส่วนตัว
เราเคยประชุมกับ กฟผ. และ กฟผ.จะให้เราทำจริงๆ ที่นั่น (โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา) อันนี้ต้องยอมรับความจริง โดย กฟผ.พยายามที่จะให้ ม.อ.ทำจริง กฟผ.จะให้เราทำเหมือนที่เขาทำอีไอเอ (EIA) แต่มหาวิทยาลัยฯ บอกว่า เราไม่ทำอีไอเอ เพราะเราทำไม่ได้ และเขาทำไปแล้ว และมีปัญหาไปแล้วด้วย
แต่ถ้าให้มหาวิทยาลัยฯ ทำ มหาวิทยาลัยฯ จะทำข้อมูลพื้นฐานให้ว่า มีปลาอยู่กี่ตัว ชาวประมงมีเท่าใด มีรายได้เท่าใด ต้นไม้ สัตว์น้ำ นก อยู่ตรงไหน อันนี้เราทำให้ได้ แต่เรามีข้อเสนอ 3 ข้อ ซึ่ง กฟผ.ต้องทำให้ได้ หากทำไม่ได้ มหาวิทยาลัยฯ ก็ไม่รับทำ คือ
1.เราจะทำเฉพาะข้อมูลพื้นฐานจริงๆ และข้อมูลนี้ทุกคนต้องใช้ประโยชน์ได้ ใครก็ใช้ประโยชน์ได้ เพราะเป็นข้อมูลของจริง
2.เราจะไม่รับเงินจาก กฟผ. ต้องไปหาเงินรัฐบาลมาจากช่องทางไหนก็ได้ ที่ไม่ใช้เงินของ กฟผ.
3.ขณะที่มีการทำงาน (สมมติว่าหากมีการทำ) กฟผ.ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ห้ามตาม ห้ามอะไรทั้งสิ้น
ซึ่งเราได้ยื่นข้อเสนอต่อ กฟผ.หลายเดือนแล้ว จนถึงวันนี้เรายังไม่ได้คำตอบ จึงขอเล่าให้ฟังว่า มหาวิทยาลัยฯ เรามีที่ยืน และมีหลักการอยู่ตรงไหน ต้องขอโทษด้วยที่ต้องทำให้พี่น้องต้องกังวลใจ ผมก็มีความกังวลใจไม่ต่างจากพี่น้อง เพราะนอนอยู่ดีๆ ทำงานอยู่ดีๆ มีชื่อปรากฏเป็นผู้ลงนาม MOU โดยที่ไม่ได้รับทราบ ไม่เคยรับรู้กันมาก่อนว่า จะมีการลงนามเซ็น MOU จนมาเห็นข้อมูลที่ อาจารย์สมพร และพี่ละม้าย ส่งมาให้ดูด้วยความเป็นห่วงว่า มันเกิดอะไรขึ้นมา ด้วยเกรงว่าฟังแล้วจะไม่ครบ จึงได้เขียนเอกสารชี้แจงขึ้นมาด้วย
ด้าน นายดิเรก เหมนคร เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า ตามที่ปรากฏในข่าวแจกของ กฟผ.ต่อสื่อมวลชน ว่า จะมีพิธีลงนามข้อตกลงงานบริการวิชาการระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ณ เทพาบีช รีสอร์ต โดยมีชื่อของ รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้ลงนาม และมี ผศ.ดร.ศราวุฒิ เจ๊ะโส๊ะ และ ผศ.ดร.อภิรดี แซ่ลิ่ม เป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยให้แก่ กฟผ.
ทางเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน จึงมีความกังวลต่อภาพลักษณ์ของ ม.อ.เป็นอย่างยิ่ง เพราะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คือ ความหวังของสังคมคนชายแดนใต้ ประชาชนมีความคาดหวังจากความเป็นสงขลานครินทร์ ที่เป็นแหล่งวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ให้ใช้ฐานะความเป็นผู้นำด้านวิชาการในการปกป้องชุมชน เคียงข้างภาคประชาชน ยืนยันในความถูกต้อง
สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้น เต็มไปด้วยความฉ้อฉลในการผลักดัน โกหกชุมชนมาโดยตลอด ให้ข้อมูลแต่ด้านดี โดยไม่บอกถึงผลกระทบ อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกในชุมชน ทำลายสิ่งแวดล้อม คุกคามสุขภาพ จึงไม่ควรที่ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะไปลงนามสัญญาใดๆ ที่เป็นการสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา กับ กฟผ.
แม้ว่าจะมีข่าวลือว่า รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม จะไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย แต่ถูก กฟผ.แอบอ้างนำไปลงในกำหนดการ และอาจารย์ซุกรี เอง ก็จะไม่ไปร่วมลงนามนั้น ทางเครือข่ายฯ ก็ยังมีความห่วงกังวลในความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ม.อ.ที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งในไม่กี่วันนี้ หรือในระยะเวลาต่อไปจึงได้เดินทางมาเพื่อสอบถามที่มาที่ไป จากท่านรองอธิการบดีฯ ทั้งนี้ ก็ด้วยความเคารพ และความห่วงใยในความเป็น ม.อ.อย่างแท้จริง
สำหรับอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน คือ อาจารย์ศราวุฒิ และอาจารย์อภิรดี นั้น ปกติก็รับงานจาก กฟผ.อยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องมีการลงนาม MOU ซึ่งก็เป็นสิทธิของนักวิชาการที่จะทำหน้าที่ในนามส่วนตัว แต่ไม่ใช่ในนามมหาวิทยาลัยฯ การลงนามในวันที่ 9 พ.ย.นี้ จึงเท่ากับเป็นการจัดฉากให้ กฟผ.ใช้ความเป็น ม.อ.เป็นผงฟอกขาวความสกปรกของถ่านหิน และ กฟผ. ซึ่งคณาจารย์ใน ม.อ.ก็รู้ และมีความเป็นห่วงมากด้วย
นายดิเรก กล่าวอีกว่า เมื่อได้รับคำชี้แจงจากรองอธิการบดี และคณบดี ว่า จะไม่มีการลงนามอย่างแน่นอน แม้ กฟผ.จะพยายามดึง ม.อ.เข้าไปสร้างความชอบธรรมให้โครงการอย่างมาก แต่ไม่สำเสร็จก็ตาม ทางเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน จึงขอขอบคุณที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังคงยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน และมีจุดยืนด้านความถูกต้อง ชอบธรรม