อัคราลุ้นได้เปิดเหมืองทองคำ เตรียมเข้าพบ ‘ประยุทธ์’ ยันมีหลักฐานชุมชนหนุน (2 พ.ย. 59)
ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2559
อัคราลุ้นได้เปิดเหมืองทองคำ เตรียมเข้าพบ ‘ประยุทธ์’ ยันมีหลักฐานชุมชนหนุน
อัคราลุ้นได้เปิดเหมืองทองคำ เตรียมเข้าพบ ‘ประยุทธ์’ ยันมีหลักฐานชุมชนหนุน
อัครา ดิ้นส่งหนังสือถึง “ประยุทธ์” แจงรายละเอียดขอเปิดเหมืองทองคำ พร้อมหลักฐานครบตรวจสอบไร้ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน ชี้ปริมาณสำรองแร่ดำเนินได้อีก 7 ปี คาดได้ชี้แจงในเร็วๆนี้ ล่าสุดยื่นขอต่อใบอนุญาตโรงถลุงแร่ทองคำให้กพร.ก่อนสิ้นสุดธ.ค.นี้แล้ว ยันบริษัทแม่จากออสเตรเลียสั่งให้ประนีประนอม
นายสิโรจ ประเสริฐผล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบให้ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานทั่วประเทศ และให้ต่อใบอนุญาตกิจการโลหกรรม หรือโรงถลุงแร่ของบริษัทออกไปจนถึงสิ้นปีนี้นั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นหนังสือถึงกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) เพื่อขอต่อใบอนุญาตโรงถลุงแร่ทองคำของบริษัทออกไปอีก 5 ปี ตามข้อกฎหมายที่กำหนดต้องให้ยื่นก่อนใบอนุญาตจะหมดอายุ 60 วัน และให้เป็นไปตามมติครม.ที่มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถูกต้องวิธี ส่วนจะได้รับการอนุมัติต่อใบอนุญาตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกพร.แต่จะต้องมีเหตุผลรองรับว่าเหตุใดถึงจะไม่ต่อใบอนุญาตให้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยืนยันว่าได้ดำเนินการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัดพิจิตร อย่างถูกต้องตามกระบวนที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชน และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อกังวลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและหน่วยงานราชการ โดยมีหลักฐานการตรวจสอบที่พบว่าการทำเหมืองแร่ทองคำไม่ใช่เป็นเหตุ ที่สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนตามที่ได้นำไปอ้างในการปิดเหมืองและไม่ต่อใบอนุญาตโรงถลุงแร่ให้
โดยเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำหนังสือส่งไปยังสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากมองว่านายกรัฐมนตรีอาจจะยังได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอที่มาจากภาคเอกชน ซึ่งก็ได้รับการติดต่อจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาแล้ว และให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปให้ พร้อมทั้งให้ระบุว่าจะมีผู้บริหารจำนวนกี่คนเข้าพบบ้าง และหลังจากนั้นจะนัดวันเวลาเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์อีกครั้งในเร็วๆนี้
นายสิโรจ กล่าวอีกว่า ด้วยหลักฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่มีอยู่ รวมทั้งการสำรวจความพึ่งพอใจของชาวบ้านกว่า 1,800 ครอบครัว รอบพื้นที่การทำเหมือง ผลสำรวจออกมาว่า 88 % พึงพอใจมากที่จะให้เหมืองอยู่ร่วมกับชุมชน 29 หมู่บ้านต่อไป ขณะที่ 93.6 % ระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง เป็นต้น นอกจากนี้ การที่กพร.ระบุว่าเหมืองแร่ทองคำของบริษัท ที่ได้รับประทานบัตรไป มีปริมาณแร่สำรองหรือทำเหมืองได้เพียงสิ้นปีนี้เท่านั้น ในส่วนนี้ บริษัทก็มีหลักฐานยืนยันว่าแหล่งประทานบัตรดังกล่าวที่ครอบคลุมพื้นที่ 3,500 ไร่ ยังมีประมาณแร่ทองคำสำรองอยู่ 40 ล้านตัน หากดำเนินการขุดแร่เช่นเดียวกับที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน 6 ล้านตันต่อปี เท่ากับว่าบริษัทยังสามารถเปิดเหมืองดำเนินการต่อไปได้ถึงเกือบ 7 ปี
ทั้งนี้ การที่บริษัทยืนยันว่ายังมีประมาณสำรองแร่ทองคำอยู่ในปริมาณดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อมูลการสำรวจของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นอยู่ในบริษัท 48.2 % และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ของออสเตรเลีย ที่จะต้องรายงานข้อมูลปริมาณแร่สำรองให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทราบ จากการสำรวจที่ใช้มาตรฐานสากลไม่ได้มาจากการคาดเดา ซึ่งทั้งหมดนี้จะชี้แจงให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบข้อเท็จจริง
ส่วนจะมีการฟ้องร้องต่อความเสียหายที่เกิดจากคำสั่งปิดเหมือง หรือไม่ต่อใบอนุญาตกิจการโลหกรรมนั้น คงยังไม่ใช่ในขณะนี้เพราะยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน และบริษัทแม่เองมีนโยบายที่ยังอยากจะเจรจาทำความเข้าใจกับทางภาครัฐ เป็นการปรับความคิดเห็นให้ตรงกัน เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหากับใคร และประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะตกกับชุมชนและประเทศชาติมากกกว่า ซึ่งหากได้รับการต่อใบอนุญาตโรงถลุงแร่ทองคำ บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการลงทุนต่อไป เพราะประทานบัตรการทำเหมืองแร่จะหมดอายุในปี 2571 และราคาทองคำที่เป็นอยู่เวลานี้ที่ระดับ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปอนด์ ก็เป็นระดับที่ยังคุ้มที่จะลงทุนต่อไป ในขณะที่ปีนี้บริษัทขาดทุนจากการหักค่าเสื่อมไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทก็ตาม
แหล่งข่าวจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) เปิดเผยว่า ตามขั้นตอนตามกฎหมายในการยื่นขอต่อใบอนุญาตกิจการโลหการก่อนหมดอายุ 60 วัน ทางบริษัท อัคราฯ สามารถดำเนินการได้ แต่จะมีการต่อให้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุผลและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นสาเหตุในการบอกยกเลิกใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการพิจารณาจะออกมาเป็นเช่นใด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559