ชาวบ้านสุดงง จังหวัดเชียงรายฉวยสถานการณ์โศกเศร้าเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษ (26 ต.ค. 59)

สำนักข่าวชายขอบ 26 ตุลาคม 2559
ชาวบ้านสุดงง จังหวัดเชียงรายฉวยสถานการณ์โศกเศร้าเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษ หวั่นขยายความขัดแย้ง-ตั้งท่าเอาป่าชุมชนบ้านบุญเรืองอีก สภาลุ่มน้ำอิงทำหนังสือค้าน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 นายพิชเญศพงษ์ คุรุปรัชฌามรรค ชาวบ้านชุมชนตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในวันนี้ชาวบ้านเพิ่งจะได้รับทราบว่า ทางจังหวัดเชียงรายมีการออกหนังสือถึงเครือข่ายภาคประชาสังคม แจ้งเรื่องการจัดประชาคม 4 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 หมู่10 หมู่ 5, และหมู่ 8 ของตำบลบุญเรืองในวันที่ 27 ตุลาคม เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการนำที่ดินสาธารณะประโยชน์จำนวนกว่า 2,322 ไร่ ไปจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย จนทำให้ชาวบ้านเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงมีการจัดเวทีประชาคมนี้ขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าบุญเรืองหรือป่าชุมชน ที่มีพื้นที่รวมกว่า 3,200 ไร่ เป็นผืนป่าใหญ่ที่สุดของลุ่มแม่น้ำอิง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความหลากหลายของธรรมชาติ และเป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์และมีข้อตกลงการใช้ประโยชน์และดูแลร่วมกัน

“ถึงตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเลยว่าจะประชาคมในวันพรุ่งนี้ อยู่ๆ ก็มีหนังสือจากผู้ว่าฯออกมาเหมือนกับว่าชาวบ้านเห็นชอบด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางโยธาธิการและผังเมืองก็บอกแล้วว่า ไม่เอาป่าบุญเรืองไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว ชาวบ้านก็ยืนยันว่าจะช่วยกันดูแลและรักษาป่าผืนนี้ไว้ เราจึงสงสัยว่าเป็นการฉวยโอกาสของรัฐหรือไม่”นายพิชเญศพงษ์ กล่าว

นายพิชเญศพงษ์ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่ทราบเลยว่าเวทีประชาคมจะมีการจัดขึ้นที่สถานที่ใด และในจดหมายก็ไม่ได้ระบุสถานที่จัดไว้ ซึ่งชาวบ้านกำลังประสานขอข้อมูลไปที่จังหวัด แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านยืนยันว่าจะเดินทางไปร่วมเวทีประชาคม เพื่อแสดงจุดยืนว่าชุมชนไม่เห็นด้วยกับการนำพื้นที่ป่าบุญเรือง อันเป็นที่ดินสาธารณะไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะเตรียมยื่นหนังสือคัดค้านต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในวันพรุ่งนี้

นายบุญทรง อินทรสร อายุ 61 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลบุญเรือง กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่จะมีการจัดเวทีประชาคม ตนเองเพิ่งจะทราบข่าวจากเพื่อนบ้านเมื่อช่วงเย็นนี้เอง จึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่อยู่ๆ ราชการเข้ามาจู่โจมชาวบ้านเพื่อเอาผืนป่าบุญเรืองไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะพรุ่งนี้อยู่ในช่วงการแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของประบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม และที่ผ่านมาก็มีการชี้แจงกับชาวบ้านแล้วว่าไปใช้พื้นที่ป่าบุญเรืองแล้ว

ด้านนายประนอม เชิมชัยภูมิ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงรายมีการส่งหนังสือมาถึงเครือข่ายภาคประชาสังคมให้ไปร่วมประชุมเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ยังไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุจึงกลับไปทำประชาคมในพื้นที่ตำบลบุญเรือง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ไม่ทราบเช่นกัน เพราะเป็นการแจ้งประชุมอย่างกระทันหัน

ขณะที่สภาประชาชนลุ่มน้ำอิง ได้ออกหนังสือคัดค้านถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต่อกรณีการนำพื้นที่ชุ่มน้ำในเขตพื้นที่ ต.บุญเรือง โดยระบุว่า สืบเนื่องจาก หนังสือโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2559 เรื่องการนำที่ดินของรัฐมาใช้ประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย ซึ่งจังหวัดได้มอบหมายให้อำเภอเชียงของจัดประชุมประชาคมหมู่บ้านทั้ง 4 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านบุญเรือง หมู่ 1,5,8 และหมู่ 10 เพื่อให้ความยินยอมในการใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านดังกล่าว การประชุมได้กำหนดไว้ วันที่ 27 ตุลาคม 2559 ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายในวันเดียวกัน

หนังสือระบุต่อว่า ด้วยหนังสือดังกล่าว ยังเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของภาครัฐ โดยจังหวัดเชียงรายที่จะเข้าใช้พื้นที่ป่าชุมน้ำบ้านบุญเรืองทั้ง 4 หมู่ รวมพื้นที่ 2,3228-0-66 ไร่ จากพื้นที่ป่าชุมน้ำรวม 3,021 ไร่ 1 งาน 75 วา ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย และยังเจตนาเป็นการเร่งรัดดำเนินการที่ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในพื้นที่และตลอดลุ่มน้ำอิง ที่จะต้องได้รับผลกระทบร่วมกันทั้งหมด ความสำคัญของพื้นที่ชุมน้ำต่อการคัดค้านการพัฒนาจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย

“ป่าบุญเรืองหรือที่สาธารณะขนาดใหญ่เป็นผืนป่าชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำอิง มีการใช้ประโยชน์ในการหาอยู่หากิน เก็บหน่อ เก็บเห็ด หาปลา และนำไม้มาใช้สอย เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารหรือหม้อข้าวหม้อแกงของชาวบ้านในตำบลบุญเรืองและตำบลห้วยซ้อมานับกว่า 200 ปี เป็นแหล่งไม้ใช้สอย แหล่งน้ำในการเกษตร อีกทั้งเป็นแหล่งวางไข่ของปลาจากแม่น้ำโขงที่เข้ามาในฤดูน้ำหลาก ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลรักษา โดยการออกข้อตกลงที่มาจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ทำให้พื้นที่ป่าดังกล่าวมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”หนังสือระบุ

หนังสือระบุอีกว่า สภาประชาชนลุ่มน้ำอิง ในฐานะที่เป็นองค์กรภาคประชาชนในลุ่มน้ำอิง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนท้องถิ่นในการจัดการลุ่มน้ำอิง ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินงานการใช้พื้นที่ชุ่มน้ำบ้านบุญเรือง เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย โดยขอให้มีการยกเลิกไม่ให้มีการเข้ามาใช้พื้นที่ชุ่มน้ำบ้านบุญเรือง เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย รวมทั้งโครงการพัฒนาอื่นๆ และหากจะมีการดำเนินการใดๆในพื้นที่ลุ่มน้ำอิง ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศในลุ่มน้ำอิง ซึ่งจะทำลายวิถีชีวิต และทำลายความมั่นคงทางอาหารของคนในชุมชนต้องได้รับมติที่เป็นเอกฉันท์ จากชุมชนทั้งหมดทุกชุมชนที่จะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋ ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ได้เพสต์เฟสบุคระบุว่า ความโศกเศร้าของพี่น้องชาวบ้านยังไม่จางหาย ความทุกข์ความกังวลใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านเกิดเมืองนอนก็โถมทับกลับมาอีก เขตเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหากับคนท้องถิ่น ในเรื่องการขอใช้พื้นที่เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประเด็นที่เป็นปัญหาคือพื้นที่ที่รัฐต้องการเพื่อนำไปพัฒนา เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์มาก่อน หรือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เช่นพื้นที่ป่าชุมน้ำลุ่มน้ำอิง หมู่1 หมู่2หมู่5หมู่8และหมู่10 รวม3200กว่าไร่ซึ่งเป็นผืนป่าเดียวกัน

ครูตี๋ระบุว่า ระยะเวลาที่ผ่านมาชาวบ้านบ้านุญเรืองหมู่2และภาคประชาชนได้ลุกขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของการใช้พื้นที่เพื่อเป็นเขตพัฒนาอุตสาหกรรม โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา องค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ทำการศึกษาถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าชุมน้ำที่รัฐต้องการในไปใช้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของป่าลุ่มน้ำอิงผืนนี้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในลุ่มน้ำอิงตอนปลาย เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั่งพืชและสัตว์ เป็นแก้มลิงหรือพื้นที่รับน้ำ และทางภาครัฐทั้งผู้มีอำนาจและผู้ที่เกี่ยวข้องก็รับรู้ข้อมูลเหล่านี้เมื่อมีการประชุมร่วมกับภาคประชาชนที่ผ่านมา แต่ด้วยคำสั่งทางนโยบายที่ลงมาหรือความดึงดันของผู้บริหารที่ต้องการตอบสนองนโยบายจากข้างบนให้ได้จึงไม่สนใจเหตุผลและข้อมูลต่างๆที่มี และดำเนินการผลักดันพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องโดยใช้กลไกทางการปกครองผ่านผู้นำหมู่บ้าน เพื่อตัดแบ่งพื้นที่ป่าแห่งนี้เป็นเขตพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษให้ได้

“ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเมืองของเราในเวลานี้ไม่สมควรเร่งรีบทำการเรื่องใดก็แล้วแต่ที่จะทำให้เกิดกรณีความขัดแย้งมากขึ้นและอย่าให้เกิดความทุกข์กับประชาชนมากไปกว่านี้อีกเลย รัฐต้องทำหน้าที่ดูแลปกป้องประชาชน หาใช้รัฐที่ทำตัวเป็นนายหน้าให้กับกลุ่มทุน”ครูตี๋ระบุ