“น้ำกากส่า” โรงงานเอทานอลราชบุรี ทำกระเบนตาย!! คพ.ชี้เกินมาตรฐานปลอดภัย 18 เท่า (21 ต.ค. 59)
มติชนออนไลน์ 21 ตุลาคม 2559
“น้ำกากส่า” โรงงานเอทานอลราชบุรี ทำกระเบนตาย!! คพ.ชี้เกินมาตรฐานปลอดภัย 18 เท่า
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) และว่าที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปลากระเบนราหูและสัตว์น้ำอื่นๆ ตายเป็นจำนวนมากในแม่น้ำแม่กลอง จ.ราชบุรี และ จ.สมุทรสงคราม โดยเฉพาะซากปลากระเบนราหูที่เป็นสัตว์น้ำประจำถิ่นตายเป็นจำนวนมาก ระหว่างวันที่ 1 – 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในเขต อ.บางคนที และ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยที่ผ่านมา คพ. ได้วิเคราะห์ผลคุณภาพน้ำที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งทำการทดลองเพื่อทดสอบระดับความเข้มข้นของแอมโนเนียในน้ำว่า จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการตายของปลากระเบนราหูหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงการปนเปื้อนของน้ำกากส่าที่มีการระบายทิ้งจากโรงงานเอทานอลราชบุรีที่ภาคประชาชนในพื้นที่ยังกังขา ซึ่งจากผลคุณภาพน้ำทำให้สันนิษฐานได้ว่า น้ำกากส่าที่รั่วยังคงสะสมในแม่น้ำแม่กลอง
อธิบดี คพ.กล่าวว่า จากที่ทราบกันว่า บริษัท ราชบุรีเอทานอล จำกัด ได้มีหนังสือชี้แจงถึงประธานกรรมการลุ่มน้ำแม่กลอง กรณีน้ำกากส่าในบ่อสุดท้ายที่ผ่านการบำบัดแล้วของโรงงานรั่วไหลลงน้ำน้ำแม่กลอง เมื่อวันที่ 30กันยายน 2559 เวลา 08.50 น. โดยหน่วยงานต่างๆ ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำและวิเคราะห์ผล พบว่า ค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ในแม่น้ำแม่กลองตอนล่าง ช่วงระหว่างวันที่ 4 – 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ประมาณ 1.0 – 2.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งค่าออกซิเจนละลายน้ำดังกล่าวต่ำกว่าช่วงเดือนเดียวกันเมื่อปี 2558 และพบว่าค่าบีโอดี (BOD) ในแม่น้ำแม่กลองในพื้นที่เขต จ.สมุทรสงคราม บริเวณตั้งแต่ อ.บางคนทีลงมาจนถึงปากแม่น้ำ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีค่าสูงระหว่าง 11 – 28 มิลลิกรัมต่อลิตร ดังนั้น จากผลคุณภาพน้ำดังกล่าวจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าน้ำกากส่าที่รั่วจาก บริษัท ราชบุรีเอทานอล จำกัด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 ยังคงสะสมในแม่น้ำแม่กลองช่วงเขต จ.สมุทรสงคราม อย่างน้อยจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2559 โดยมีข้อมูลประกอบการสันนิษฐานเพิ่มเติมคือ ข้อมูลการเดินทางของน้ำในแม่น้ำแม่กลอง ของศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคตะวันตก พบว่า เวลาเดินทางของมวลน้ำจาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มายัง อ. บางคนที จ.สมุทรสงคราม ใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ เมื่อเจอกับอิทธิพลน้ำขึ้นในวันดังกล่าว จึงเป็นไปได้ว่ามวลน้ำดังกล่าวไม่สามารถระบายออกสู่ทะเล ทำให้น้ำกากส่าบางส่วนจะตกลงสู่ท้องน้ำ เนื่องจากน้ำกากส่ามีความถ่วงจำเพาะมากกว่าน้ำ ประกอบกับความเห็นของ สพญ.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ว่า ปลากระเบนได้รับสารเคมีที่เป็นพิษต่อระบบไตและระบบเหงือก และยังพบว่าความสามารถในการควบคุมความสมดุลในร่างกายเสียไป
นายวิจารย์ กล่าวอีกว่า คพ.จึงได้ตั้งสมมุติฐานการตายของปลากระเบนราหูในแม่น้ำแม่กลองว่าเกิดจากระดับความเข้มข้นของแอมโมเนียอิสระสูง ซึ่งเป็นผลจากการรั่วไหลของน้ำกากส่า ทำให้เป็นพิษต่อปลากระเบนราหูและสัตว์น้ำอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีออกซิเจนละลายน้ำต่ำ หรือสภาวะไร้อากาศใต้ท้องน้ำและ คพ.ได้ทำการทดลองเพื่อยืนยันสมมุติฐานดังกล่าวด้วยการจำลองสภาพแหล่งน้ำธรรมชาติ แล้วเติมน้ำกากส่าในอัตราส่วน 1:130 แล้วทำการวัดแอมโมเนียอิสระอย่างต่อเนื่องทุก 15 นาที ซึ่งผลการทดลองพบว่า ค่าแอมโมเนียอิสระ มีค่าเริ่มต้น 0.10 มิลลิกรัมต่อลิตร และเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 มิลลิกรัมต่อลิตร เมื่อเวลาผ่านไป 46 ชั่วโมง ซึ่งค่าดังกล่าวเกินกว่าค่าความปลอดภัยต่อสัตว์น้ำ ประมาณ 18 เท่า ที่มีผลทำให้ปลาตายเฉียบพลัน สำหรับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป คพ.จะดำเนินการกล่าวโทษโรงงานที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป