ปลาตายเกลื่อน น้ำเน่าไหลทะลัก‘ป่าสัก’ สระบุรี-กรุงเก่าอ่วมหนัก (4 เม.ย. 58)
แนวหน้าออนไลน์ 4 เมษายน 2558
ปลาตายเกลื่อน น้ำเน่าไหลทะลัก‘ป่าสัก’ สระบุรี-กรุงเก่าอ่วมหนัก
ปลาตายเกลื่อนน้ำเน่าไหลทะลัก‘ป่าสัก’สระบุรี-กรุงเก่าอ่วมหนัก คาดฝีมือโรงงานมักง่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 3 เมษายน ได้เกิดเหตุสัตว์น้ำและปลาในกระชังแม่น้ำป่าสัก เขต อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ตายลงเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเหตุเกิดต่อเนื่องกันมาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงปลากระชังเป็นอย่างมาก แต่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ กลับยังไม่สามารแก้ไขปัญหาได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันนี้ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้เรียกประชุม ประมงจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุ เบื้องต้นทราบว่า มีน้ำเสียจนทำให้มีปลาในแม่น้ำตาย เริ่มต้นจาก หมู่ 3 หมู่ 5 และหมู่ 8 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย ทำให้ผู้เลี้ยงปลาในกระชังได้รับผลกระทบ ค่าเสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท โดยให้ทางประมงจังหวัดสระบุรี ให้คำแนะนำกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังที่มีผลกระทบไม่มาก ให้หาวิธีป้องกัน
สำหรับสาเหตุของเรื่องนี้ ผู้ว่าฯ สระบุรี กล่าวว่า มองไว้ 2 ประเด็น คือมีโรงงานอุตสาหกรรมบางโรง ลักลอบปล่อยน้ำเสีย ลงแม่น้ำป่าสัก ประกอบกับน้ำในแม่น้ำในแม่น้ำป่าสักมีจำนวนน้อยจึงอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาน้ำ เน่าเสียได้ และอีกประเด็นจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้น้ำในแม่น้ำมีค่าออกซิเจนน้อย จนทำให้สัตว์น้ำตายได้ แต่อย่างไรก็ดี ได้ให้ทางประมงจังหวัดนำตัวอย่างน้ำในแม่น้ำมาตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง หากเกิดจากการปล่อยสารพิษหรือน้ำเสียลงแม่น้ำของโรงงานใด ก็จะดำเนินการสั่งปิดทันที
ขณะที่ นายปิลันธน์ โพธิ์ใบ นายกเทศมนตรี ต.เสาไห้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เปิดเผยกับ นสพ.แนวหน้า ถึงกรณี เกิดเหตุปลาในกระชัง ของกลุ่มเกษตรกรลุ่มแม่น้ำป่าสักตายกระทันทันเป็นจำนวนมาก โดยไม่ทราบสาเหตุว่า มีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง ได้รับความเดือดร้อนนับร้อยราย ปลาตายกว่า 200 ตัน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงสัตว์น้ำที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาทิ ปลา และกุ้งแม่น้ำชนิดต่างๆ สร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศเป็นอย่างมาก
“แต่จากตั้งข้อสังเกตุ ไม่น่าจะเกิดจากการขาดออกซิเจน ซึ่งมวลน้ำที่ไหลมาในครั้งนี้ มีสีดำเข้ม และปลาที่อยู่ในกระชังและที่อยู่ตามธรรมชาติ ต่างกระโดดหนีมวลน้ำดังกล่าวทันทีที่มาถึง ทางกองควบคุมมลพิษ จึงสุ่มตรวจน้ำในแม่น้ำป่าสักในพื้นที่ อ.แก่งคอย ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง แต่ผลยังไม่ออกมา ทั้งนี้ หากผู้ว่าฯ ประกาศเป็นภัยฉุกเฉิน ทางจังหวัด สามารถน้ำงบประมาณที่มี มาเยียวยาเกษตรกรได้ แต่หากเป็นการกระทำของมนุษย์ หรือเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสียออกมา เราก็ต้องเร่งดำเนินคดี เพื่อให้มีการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น” นายปิลันธน์ กล่าว และว่า การตรวจสอบตัวอย่างน้ำนั้น คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 สัปดาห์ก็จะรู้ผล
นายกเทศมนตรีตำบลเสาไห้ ยังกล่าวถึงปลาที่ตายว่า ทางสาธารณสุขได้ ออกมาแนะนำประชาชนในพื้นที่ ว่า การรับประทานปลาในระยะนี้ต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน ส่วนปลาที่ตายที่เกิดจากน้ำเสียนั้น กำจัดด้วยการฝังกลบ และได้ทางบริษัททีพีไอ ได้ช่วยกำจัดส่วนหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ อ.เสาไห้ ยังเป็นอำเภอปลายน้ำของแม่น้ำป่าสัก โดยจะชนกับเขื่อนพระรามหก ซึ่งปลาที่หลุดลอยจากการเก็บทำลาย ก็จะมาสะสมยังพื้นที่ อ.เสาไห้ หากเก็บทำลายไม่หมดก็จะยิ่งเพิ่มปัญหาน้ำเสีย เป็นการซ้ำเติมชาวบ้านอีก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ในขณะนี้ มวลน้ำเน่าเสียในลุ่มแม่น้ำป่าสักในเขตพื้นที่ จ.สระบุรี กำลังไหลบ่าลงมายังหน้าเขื่อนพระรามหก ใน ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเป็นน้ำที่มีลักษณะเน่าเสียจนกลายเป็นสีดำสนิท มีกลิ่นเหม็นคล้ายกากน้ำตาลเน่า พัดพาเอาซากปลาและสัตว์น้ำที่ตายลอยเน่ามากับสายน้ำ ทำให้สัตว์น้ำและปลาหน้าเขื่อนพระรามหก เริ่มทยอยตาย ต้องหนีไปรวมตัวอยู่ที่หน้าเขื่อนพระรามหก ที่ปิดกั้นแม่น้ำป่าสักอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ได้ส่งเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังตั้งแต่เช้า มีการประสานงานไปยังชลประทาน หากสถานการณ์ยังย่ำแย่ก็จะขอให้ระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามาตามคลองชัยนาท ป่าสักเข้ามาช่วยให้น้ำเจือจางลงเพื่อรักษาชีวิตสัตว์น้ำและปลาจำนวนมาก
ส่วนที่ อบต.ท่าหลวง พระครูประยุต สิริธรรม อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวหิน ได้นำเครื่องสูบน้ำเข้ามารับมือฉีดพ่นน้ำเพิ่มออกซิเจนป้องกันปลาหน้าวัดที่ มีอยู่ชุกชุมจำนวนมากและเป็นพันธุ์ปลาหายากทนต่อสภาพน้ำเน่าไม่ไหวจนตายไป แต่ปรากฏว่ามวลก้อนน้ำเน่ามีปริมาณมากเกินที่เครื่องฉีดพ่นน้ำจะรับมือได้ ไหวทำให้ปลาเริ่มทยอยลอยหัวตายบ้างแล้ว พระครูประยุต ได้ประเมินสถานการณ์ว่า จะมีสัตว์น้ำและปลาลอยหัวตายเป็นจำนวนมาก หากยังไม่มีการแก้ไขอย่างถูกวิธีและเร่งด่วน ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำฉวยโอกาสพายเรือออกหาจับปลาที่กำลังช็อกน้ำ ขึ้นปรุงอาหารอย่างไม่กลัวสารปนเปื้อนที่อยู่ในน้ำเน่า
นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สภาพปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำป่าสัก เกิดจากการลักลอบทิ้งสารเคมีลงสู่แม่น้ำบริเวณ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งได้ประสานกับ ผอ.สระบุรี ป่าสักใต้ต่อเนื่อง ดังนี้ 1.ตามแผนต้องลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักฯเหลือ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อทราบปัญหาดังกล่าวจึงคงการระบายไว้ที่ 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จนถึงปัจจุบัน 2.ปริมาณน้ำที่ระบายจากคลองชัยนาท-ป่าสักประมาณ 23 ลบ.ม./วิ.อย่างต่อเนื่องทำให้น้ำเสียก่อนถึงหน้าเขื่อนพระราม 6 เจือจางเป็นปกติ 3.คงการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 และเพิ่มการรับน้ำเข้าประตูระบายน้ำพระนารายณ์มากขึ้น จะช่วยเร่งให้น้ำเสียผ่านไปเร็วขึ้น คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติในวันเดียวกันนี้