"จักรมณฑ์"เล็งทบทวนเลิกใช้แร่ใยหิน อ้างยังไม่อยากสูญงบแสนล.อุ้มผู้ใช้ (11 ม.ค. 58)

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 มกราคม 2558
"จักรมณฑ์"เล็งทบทวนเลิกใช้แร่ใยหิน อ้างยังไม่อยากสูญงบแสนล.อุ้มผู้ใช้

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จะมีการทบทวนแนวทางการยกเลิกใช้แร่ใยหินอีกครั้ง เพราะหากยกเลิกการใช้ทันทีตามข้อเรียกร้องขององค์กรภาคประชาชน ด้วยการแก้ไขพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย 2535 จะส่งผลให้รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระเบื้องที่มีแร่ใยหินทั่ว ประเทศมูลค่าหลายแสนล้านบาท เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่สามารถยกเลิกการใช้ได้ทันที 

"ทางออกที่ดี ที่สุดจึงควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยขณะนี้ผู้ผลิตกระเบื้องทั่วโลก รวมถึงไทยต่างทยอยยกเลิกการใช้แร่ใยหินแล้ว เหลือผู้ผลิตเพียง 2 ราย อีกทั้งยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้แร่ใยหินเช่นที่มีกระแสข่าว แต่ถ้าผลการศึกษาชัดเจนว่าอันตรายเราก็เห็นควรให้ยกเลิกเลย" นายจักรมณฑ์กล่าว และว่า สถิติการนำเข้าแร่ใยหินของไทยระหว่างปี 2550-2557 อยู่ที่ 50,000-100,000 ตันต่อปี มูลค่า 800-1,400 ล้านบาทต่อปี โดยมีแนวโน้มการนำเข้าลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากสหพันธรัฐรัสเซีย บราซิล แคนาดา และจีน 

นายจักรมณฑ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการหารือกับ นายเดนิส แมนทูรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซียถึงปัญหาค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำ ว่า ไม่กระทบการนำเข้าและส่งออกสินค้าของไทย และเพื่อให้มูลค่าการค้าระหว่างกันขยายตัวขึ้น รัสเซียพร้อมที่จะขยายตลาดในลักษณะการร่วมทุนระหว่างกันในอุตสาหกรรมที่ รัสเซียเชี่ยวชาญเป็นพิเศษคือ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนอากาศยาน ส่วนสิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผู้ประกอบการรัสเซียให้ความ สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย แต่จะคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานและทักษะแรงงานมากกว่า

"รัสเซียชวนไทยไปลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนไทยเองอยากให้รัสเซียเข้ามาลงทุนด้านอุตสาหกรรมยาและการแพทย์" นายจักรมณฑ์กล่าว