กรมโรงงานฯ เดินหน้าแก้กฎหมายหวังออกใบอนุญาตคล่องตัวขึ้น (12 ก.ย. 59)

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 12 กันยายน 2559
กรมโรงงานฯ เดินหน้าแก้กฎหมายหวังออกใบอนุญาตคล่องตัวขึ้น

รายงานข่าวแจ้งว่า นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้เปิดเผยถึงการจัดทำร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ ว่าด้วยอนุญาตให้เอกชน (Third Party) เข้ามาช่วยตรวจสอบเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้า ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การพักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน และร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานการตรวจสอบเครื่องจักร หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเครื่องจักร และการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบเครื่องจักรของผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน

ทั้งนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวสร้างความคล่องตัวในการจดทะเบียนเครื่องจักรแก่ผู้ประกอบการเพื่อนำไปเป็นหลักประกันเพื่อเพิ่มวงเงินจำนองด้านเครื่องจักร เพื่อหมุนเวียนในกิจการอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงินจำนองเครื่องจักรเพิ่ม รวมกว่า 8 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กฎกระทรวงดังกล่าว คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการแล้ว เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไปตามลำดับ

โดยเรื่องแรก 1.ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การพักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับบุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ประสงค์จะเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน เพื่อให้ผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องชัดเจน โดยมีรายละเอียด อาทิ กำหนดหน้าที่ของผู้ตรวจเครื่องจักรเอกชน เป็น 3 ระดับ

ได้แก่ ผู้ตรวจสอบเครื่องจักรระดับ 1 มูลค่าเครื่องจักรไม่เกิน 50 ล้านบาท ผู้ตรวจสอบเครื่องจักรระดับ 2 มูลค่าเครื่องจักรไม่เกิน 100 ล้านบาท และผู้ตรวจสอบเครื่องจักรระดับ 3 ไม่จำกัดมูลค่าเครื่องจักร กำหนดวิธีการขอใบอนุญาต กำหนดคุณสมบัติของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จะขอเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน กำหนดขั้นตอนการพิจารณาออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต รวมทั้งการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตของผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน

และ 2.ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานการตรวจสอบเครื่องจักรให้เอกชน (Third Party) เข้ามาช่วยตรวจสอบเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเครื่องจักร และการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบเครื่องจักร ของผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนเป็นการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานการตรวจสอบเครื่องจักร อาทิ กำหนดให้ผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์พร้อม กำหนดให้ผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนต้องตรวจสอบเครื่องจักรตามระดับที่ได้รับอนุญาต กำหนดวิธีการจัดทำรายงานและรับรองผลการตรวจสอบ

โดยกรมโรงงานฯ ได้ทำรายละเอียดคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนนั้นจะต้องมี คุณสมบัติ อาทิ ต้องเป็นบุคคลธรรมดา อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี สำเร็จการศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท ฯลฯ โดยบุคคลหรือนิติบุคคลที่จะเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนได้นั้นจะต้องมา ยื่นคำขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียนเครื่องจักรประจำจังหวัดก่อน และจะต้องผ่านการฝึกอบรม ผ่านการทดสอบเพื่อให้ได้ใบรับรอง

จากนั้นจะต้องนำเอกสารมายื่นเพื่อให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมตรวจสอบก่อนออกใบ อนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนตามกฎหมาย โดยผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนจะสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว อย่างไรก็ตามการใช้บริการผ่านช่องทางการให้บริการของผู้ตรวจสอบเครื่องจักร เอกชนคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และประมาณ 37 วัน สำหรับต่างจังหวัด จากปกติ 45 – 60 วัน

จากการลดระยะเวลาในการจดทะเบียนฯ จะช่วยประหยัดเวลาได้มากถึง 37% ทำให้ราชการมีความสามารถในการให้บริการออกทะเบียนในช่องทางปกติของทางราชการ จากเดิม 800 ฉบับต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,300 ฉบับต่อปี ในส่วนของเอกชนคาดว่าจะให้บริการได้กว่า 500 ฉบับต่อปี หากรวมกันทั้ง 2 ช่องทางแล้วสามารถออกทะเบียนได้เพิ่มมากขึ้นถึง 1,800 ฉบับต่อปี อีกทั้งคาดว่า จะมีผู้ประกอบการนำเล่มทะเบียนเครื่องจักรมาจดจำนองประมาณ 1,200 ฉบับต่อปี มูลค่าเฉลี่ยต่อฉบับกว่า 680 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาทต่อปี ที่จะเป็นเงินทุนหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม

ปัจจุบันสถิติยอดการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2559 มีผู้ประกอบการขอรับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ 1,113 ราย เครื่องจักรที่ได้จดทะเบียน 6,099 เครื่อง รวมมูลค่าการจดทะเบียนเครื่องจักร 5.6 แสนล้านบาท และมีการจดทะเบียนจำนอง 527 ราย โดยมีวงเงินจำนองเครื่องจักร 3.6 แสนล้านบาท โดยที่สถิติการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (มกราคม 2556 – ธันวาคม 2558) มีผู้ประกอบการขอรับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ รวม 4,852 ราย เครื่องจักรที่ได้จดทะเบียน รวม 24,030 เครื่อง มูลค่าการจดทะเบียนเครื่องจักร รวม 1.3 ล้านล้านบาท และมีการจดทะเบียนจำนอง รวม 2,914 ราย โดยมีวงเงินจำนองเครื่องจักรรวม 1.6 ล้านล้านบาท