ตัวแทนเครือข่ายประชาชนฯ เมืองชล ยื่นหนังสือถึงประธาน คสช.ผ่านทางผู้ว่าฯ (19 ก.พ. 59)
MGR Online 19 กุมภาพันธ์ 2559
ตัวแทนเครือข่ายประชาชนฯ เมืองชล ยื่นหนังสือถึงประธาน คสช.ผ่านทางผู้ว่าฯ
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตัวแทนเครือข่ายประชาชน และประชาสังคมจังหวัดชลบุรี ผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนจากประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 และ 4/2559 ได้มาร่วมกันยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่ง คสช.ทั้ง 2 ฉบับ ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 และ 4/2559
วันนี้ (19 ก.พ.) ตัวแทนเครือข่ายประชาชน และประชาสังคมจังหวัดชลบุรี ผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนจากประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 และ 4/2559 ได้มาร่วมกันยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่ง คสช.ทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อหัวหน้า คสช. ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กอ.รมน.จังหวัดชลบุรี และ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี จดหมายขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 และ 4/2559
ดร.สมนึก จงมีวศิน นักวิชาการภาคตะวันออก เผยว่า การเดินทางมากันในวันนี้เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และคำสั่งที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท
ผลของการประกาศคำสั่งทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เป็นผลให้เป็นการยกเลิกหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชนตามกฎหมายหลายประการ เครือข่ายภาคประชาชน และภาคประชาสังคมในจังหวัดชลบุรี ตามรายชื่อด้านท้ายจดหมายฉบับนี้จึงขอเสนอความเห็น และข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้
1.การใช้มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มีเจตนารมณ์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคี และความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน แต่การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 3/2559 และ 4/2559 โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น
เครือข่ายฯ เห็นว่า คำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 เป็นการเปิดทางให้มีการบริหารจัดการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษโดยยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมือง และกฎหมายควบคุมอาคาร เพื่อให้เกิดการจัดการพื้นที่โดยละเลยกระบวนการกลั่นกรองการพัฒนาที่ถูกต้อง และเหมาะสมต่อชุมชน อันเป็นการทำลายหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิชุมชนด้านสิ่งแวดล้อม
2.การพัฒนาเขตเศรษฐกิจควรเป็นไปด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงศักยภาพ หรือความสามารถพิเศษของคนในพื้นที่นั้น แต่กระบวนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลนี้กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้แก่นายทุนได้รับสิทธิพิเศษด้านต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีคำสั่งพิเศษ คสช.เปิดทางให้กลุ่มทุนมีการประกอบกิจการโดยไม่ต้องคำนึงถึงผังเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนไทย การดำเนินการแบบนี้จะไม่นำไปสู่การปฏิรูปดังที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
3.ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการวางทิศทางการพัฒนาตามแนวนโยบายแห่งรัฐโดยกำหนดหลักการพัฒนาต้องเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รวมทั้งการจัดทำผังเมืองเพื่อประโยชน์ในการดูแล และรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และกฎหมายผังเมืองก็ได้ทำหน้าที่ให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ที่เหมาะสม แบ่งเขตการพัฒนาด้านต่างๆ ตามลักษณะภูมิประเทศในแต่ละจังหวัด คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้เกิดความสมดุลมากที่สุด และเป็นมาตรการที่สำคัญสำหรับประเทศในปัจจุบัน โดยสอดคล้องต่อการพัฒนาของโลก แต่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินไปสู่ความล้าหลังด้วยการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองทั่วประเทศในกิจการโรงงานบางประเภท เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานที่เกี่ยวข้องต่อการกำจัดขยะฯ ด้วยคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 4/2559
เครือข่ายฯ จึงมีความเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของ คสช.จะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาในบ้านเมือง การใช้อำนาจอิทธิพลจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับผู้ประกอบการธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศ อันเป็นการก้าวเดินที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐบาล และ คสช.
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด การประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติไม่เข้าข่ายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 44 เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่พึงกระทำ ไม่บรรลุประโยชน์ในการปฏิรูป หรือส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์ของประชาชนตามที่มาตรา 44 ได้กำหนดไว้ โดยรัฐบาลต้องยกเลิกคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ เพื่อคลี่คลายวิกฤตโดยเร่งด่วน
เราในนามเครือข่ายภาคประชาชน และภาคประชาสังคมในจังหวัดชลบุรีตามรายชื่อแนบท้ายจดหมายฉบับนี้ ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2559 และ 4/2559 ในทันที โดยเครือข่ายฯ จะมาติดตามคำตอบ และทวงถามความยุติธรรมอีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เพราะประเทศไทยเป็นของประชาชน มิได้เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง