กลุ่มต้าน ร้อง กพร. ปิดเหมืองทองพิจิตรทันที ด้านกลุ่มหนุนชี้ปิดกระทบกว่า 4 พันชีวิต (28 ก.ค. 59)
ประชาไท 28 กรกฎาคม 2559
กลุ่มต้านร้อง กพร. ปิดเหมืองทองพิจิตรทันที ด้านกลุ่มหนุนชี้ปิดกระทบกว่า 4 พันชีวิต
กลุ่มต้านหมืองทอง พิจิตร-เพชรบูรณ์ ร้อง กพร. ขอให้หยุดทำเหมืองฯ ทันที เหตุชาวบ้านเจ็บป่วย ด้านกลุ่มหนุนเหมืองฯ ล่า 5,587 รายชื่อ ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ข้อเท็จจริงเรื่องผลกระทบเหมืองทอง ระบุการปิดเหมืองฯ กระทบคนกว่า 4,000 คน
28 ก.ค.2559 เวลา 09.30 น. ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) กลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยจากการทำเหมืองแร่ทองคำพิจิตรและเพชรบูรณ์ 19 คน ยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เรื่องขอให้ยุติการทำเหมืองแร่ทองคำบริเวณบ่อ Q ทุกบ่อ ของบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน)
ธัญญารัศมิ์ สินทรธรรมทัช ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ป่วยจากการทำเหมืองแร่ทองคำพิจิตรและเพชรบูณณ์ กล่าวว่า การทำอุตสาหกรรมเหมืองทองคำของบริษัทอัคราฯนั้น ปัจจุบันยังคงสร้างผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอัคราฯ ยังคงระเบิดเหมืองทองคำ ล่าสุดชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการระเบิดเหมืองฯอยู่บริเวณบ่อQ ขอประทานบัตร ซึ่งระยะห่างจากจุดดังกล่าวและบ้านชาวบ้านอยู่ในรัศมีน้อยกว่า 500 เมตร ทำให้ชาวบ้านเจ็บป่วยจากอาการคันผิวหนัง
ธัญญารัศมิ์ ได้แนบหนังสือคำสั่งของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เมื่อ 11 ม.ค.2554 เพื่ออ้างถึงผลกระทบในครั้งนี้ โดยหนังสือดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาร้องเรียนกรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ของบริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด โดยให้บริษัทหยุดทำเหมืองแร่ในพื้นที่เฟส 2 เวลากลางคืน ตั้งแต่ 19.00 น.-05.00 น. และให้บริษัทฯหยุดการทำเหมืองหรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องบริเวณด้านทิศเหนือของโครงการตั้งแต่ 12 ม.ค.2554 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะแก้ปัญหาเสียงดังของการเจาะระเบิด เครื่องจักรกลหนัก และพิสูจน์ว่าสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จึงขอให้ กพร. เข้าไปตรวจสอบและให้เหมืองแร่ฯยุติการทำเหมืองตามคำสั่งดังกล่าว ในครั้งนี้จึงให้มีการตรวจสอบว่าเหมืองทองฯได้ฝ่าฝืนคำสั่งหรือไม่ในการทำอุตสาหกรรมในพื้นที่เหมืองที่ยังสร้างผลกระทบให้กับชาวบานจนถึงปัจจุบัน
19 กลุ่มหนุนเหมืองทองฯ ร้องผู้ตรวจการฯ ชี้ปิดกระทบ 4 พันชีวิต
ในขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ห้อง 903 กลุ่มเครือข่ายผู้นำชุมชนและประชาชนรอบเหมืองแร่ทองคำชาตรี 19 กลุ่ม จำนวนประมาณ 30 คน และรวบรวมรายชื่อประชาชน 5,787 ราย เรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการพิจารณาสอบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงประเด็นการต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหะกรรมของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ไปอีก 3-5 ปี อ้างพนักงาน ชาวบ้าน และเศรษฐกิจของพิจิตร – เพชรบูรณ์มีผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดเหมืองฯถึง 4,000 คน
เครือข่ายผู้นำชุมชนและประชาชนรอบเหมืองแร่ทองคำชาตรี 19 กลุ่ม ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำลลท้ายดง กำนันตำบลเขาเจ็ดลูก กำนันตำบลท้ายดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลเขาเจ็ดลูก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ตำบลเขาเจ็ดลูก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลท้ายดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลวังโพรง ตัวแทนภาคประชาชน ตัวแทนผู้สูงอายุ รองประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร ตัวแทนผู้ประกอบการ ตัวแทนพ่อค้า-แม่ค้า ตัวแทนวิสาหกิจชุมชน ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ตัวแทนนักเรียนทุน ตัวแทนบริษัท โลตัสฮอลวิศวกรรมเหมืองแร่และก่อสร้าง จำกัด ตัวแทนพนักงาน บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน)
ในเนื้อหาหนังสือดังกล่าวได้อ้างถึงผลกระทบของการที่บริษัทเหมืองอัคราฯ จะต้องปิดตัวลงในสิ้นปี 2559 จะเกิดผลกระทบต่อพนักงานประมาณเกือบ 1000 คน และคนที่อยู่ในครอบครัวที่อยู่รอบเหมืองซึ่งรวมประมาณ 4000 คน เนื่องจากการไม่ได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบจ. และ อบต.) โรงเรียน โรงพยาบาล วัด ระบบสาธารณูปโภค ที่ได้รับจากค่าภาคหลวง เงินกองทุนที่เป็นทั้งเงื่อนไขการอนุญาตและเป็นพันธะระหว่างเหมืองกับชุมชน และการสนับสนุนชุมชนจากงบประมาณประจำปีของเหมือง
กลุ่มตัวแทนเครือข่ายผู้นำชุมชนและประชาชนรอบเหมืองแร่ทองคำชาตรี ระบุว่า 15 ปีที่บริษัทอัคราฯ เหมืองแร่ทองคำดำเนินการในพื้นที่ประชาชนอยู่ร่วมกับเหมืองได้ดีมาตลอด โดยไม่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพดังที่มีผู้กล่าวอ้าง ไม่มีแพทย์ท่านใดระบุความเชื่อมโยงของเหมืองและสุขภาพประชาชน และทั้งไม่ได้มีความขัดแย้งรุนแรงอย่างที่สื่อและผู้ที่อยู่นอกพื้นที่เสนอข่าว โดยอ้างว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นมีคนกลุ่มน้อยที่มีวาระแอบแฝงเรื่องประโยชน์เรื่องที่ดิน จากการหวังขายที่ดินให้เหมืองฯในราคาที่สูง จากความเดือนร้อนในประเด็นที่เกิดขึ้นเครือข่ายฯขอความกรุณาจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้โปรดใช้อำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญหัวหน้าหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่มาให้ข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลเรื่องการขออนุญาตประกอบโลหะกรรม ที่จะให้สิ้นสุดในปลายปี 2559 นี้