"อย่าทำลายหัวใจของแผ่นดิน!" - สุนทรพจน์ "มกุฎ อรฤดี" ศิลปินแห่งชาติ ในเวทีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา (27 ก.ค. 59)
MGR Online 27 กรกฎาคม 2559
อย่าทำลายหัวใจของแผ่นดิน! สุดยอดสุนทรพจน์ “มกุฎ อรฤดี” ศิลปินแห่งชาติ
ในเวที “โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” (มีคลิป)
ปลาในแม่น้ำเทพา (ขอบคุณภาพโดย :อภิชัย วิจิตรปิยกุล)
จากกรณีที่ กฟผ.หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อจัดงาน THEPHA Festival ครั้ง 1 เทพามหาสนุก แหล่งรวมความสุขของทุกคน เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลรายออีดิ้ลฟิตรี หรือวันเฉลิมฉลองหลังเดือนรอมฎอน โดยเนรมิตบริเวณชายหาดริมทะเลด้านหน้าโรงแรมเทพาบีชรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เป็นสถานที่จัดงาน ระหว่างวันที่ 13-14 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
หนึ่งในกิจกรรมของงานได้มีมีการเชิญ นายมกุฎ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติปี 2555 สาขาวรรณศิลป์ ในฐานะที่มีพื้นเพเป็นชาว อ.เทพา จ.สงขลา ให้มาถ่ายทอดประสบการณ์ และบอกเล่าเรื่องราวของเมืองเทพา เมืองที่มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ โดย นายมกุฎ อรฤดี ได้กล่าวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และได้คืนค่าตอบแทนการเป็นวิทยากรกลับคืนให้แก่เจ้าภาพผู้จัดงานด้วย
ล่าสุด นายมกุฎ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติ ปี 2555 ได้นำคลิปบันทึกเสียงจากการพูดในงานดังกล่าวขึ้นอัปโหลดในยูทิวบ์ ช่อง Makut Omrudee ซึ่ง “MGR Online ภาคใต้” ได้ถอดเทปเสียงดังกล่าว มีใจความว่า
...หัวข้อที่บอกให้ผมมาพูดก็คือเล่าเรื่องเมืองเทพา ที่จริงเมืองเทพามีอายุนานมากกว่าที่จะเล่าหมดภายใน 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน เมืองเทพาที่เราเคยได้ยินบอกเล่ากันมาก็คือในสมัย ร.5 เคยเสด็จประภาสไปแหลมมลายู และเคยแวะที่นี่ แต่นั่นเป็นเวลาที่ผมยังไม่เกิด ผมไม่อาจจะอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น ในช่วงเวลาที่ผมเกิดคือ 66 ปีที่แล้ว ผมพอจะบอกเล่าได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองนี้ได้บ้าง เมื่อครั้งผมอายุสักประมาณ 4 ขวบ หรือ 5 ขวบ ความจำในขณะนั้นรู้สึกว่า ถ้าจะให้เล่าเรื่องเมืองเทพาในฐานะคนที่เกิดในปี 2493 คือเมื่อ 66 ปีที่แล้ว ก็เล่าได้ว่า เมืองเทพาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง
ในขณะนั้น เมืองเทพา เป็นศูนย์กลางของการค้า ลองนึกภาพ แต่อาจจะไม่เห็น มีช้างม้า วัว ควาย มาจากอำเภอต่างๆ จากจังหวัดต่างๆ รายรอบ วัวเทียมเกวียนบรรทุกสินค้ามาตั้งแต่วันศุกร์ มาค้างคืนในวันเสาร์ เพื่อที่จะเปิดตลาดนัดในวันอาทิตย์ มีช้างขนสินค้ามาจาก อ.สะบ้าย้อย มีเรือมาจาก จ.ยะลา ขนพวกเครื่องปั้นดินเผา มีม้ามาจาก อ.จะนะ และนาทวี การสัญจรในสมัยนั้นอย่างน้อยที่สุด 1 วัน และ 1 คืน ภาพที่เราเห็นใน อ.เทพา คือ ผู้คนเป็นอันมากมาชุมนุมกันอยู่ที่เมืองเล็กๆ ซึ่งมีทางรถไฟแล่นผ่าน มีเรือเข้ามาทางปากน้ำเพื่อที่จะแล่นไปยังตลาดนัดที่อยู่ติดกัน เรานึกภาพไม่ออกนะครับแต่ว่าอันที่จริงภาพซึ่งเคยปรากฏเมื่อ 66 ปีที่แล้ว กับภาพที่ปรากฏอยู่ในวันนี้ไม่ได้ต่างกัน อ.เทพา ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 66 ปีที่แล้ว ยังคงความสงบ ยังคงความสวยงาม ยังคงคุณค่าของความเป็นเมืองแห่งธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน
เมื่อวานนี้ผมล่องเรือไปตามแม่น้ำเทพา จากบริเวณปาแม่น้ำ หรือที่เราเรียกว่าปากบาง ขึ้นไปตามแม่น้ำเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยัง อ.สะบ้าย้อย ความปรารถนาก็คือ อยากจะขึ้นไปจนถึงต้นน้ำที่อยู่เหนือขึ้นไป เราจะได้เห็นเหมือนเมื่อ 66 ปีที่แล้ว เมื่อ 66 ปีที่แล้วผมเคยล่องเรือไปกับผู้ใหญ่ แล้วก็ได้เห็นภาพเหล่านี้ เมื่อวานนี้ผมมีโอกาสได้เห็นปลากระโจนขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ ขึ้นมาบนผิวน้ำจำนวนนับหมื่นนับแสนในเวลาเดียวกัน เราเห็นนก เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสัตว์ตามธรรมชาติเมื่อครึ่งศตวรรษมาแล้ว
ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจากบ้านไปนานเป็นเวลาประมาณ 40 กว่าปี และได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยมี มันก็ยังมี ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยเป็น มันก็ยังเป็น เทพาก็ยังเป็นเทพา คนทอดไก่ที่อร่อยที่สุดในโลกอาจจะตายไปแล้ว แต่สูตรของการทำไก่ที่อร่อยที่สุดในโลกก็ยังอยู่ ผู้คนยังสืบทอดความเป็นคนเทพาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ความเป็นคนเทพาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์คืออะไร รักสงบ เงียบ ดูเหมือนคล้ายกับไม่มีความกระตือรือร้น แต่ไม่ใช่
มีคนเทพาจำนวนมากที่ไปประสบความสำเร็จในที่ต่างๆ มีคนเทพาจำนวนมากที่คิดแล้วก็ทำงาน แล้วก็รับราชการ แล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสกลับมาฟื้นฟูบ้านเดิมของตนเอง แต่ว่าเมื่อวานนี้เอง คนเทพา 2-3 คนได้กลับมาเจอกันในเรือแล้วก็บอกว่า เราจะทำให้เมืองเทพากลับไปเหมือนเมื่อ 60 ปีที่แล้วได้อย่างไร คนหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไปก็คือ คุณยืนยง ประสิทธิพรหม ขอเชิญให้ท่านทั้งหลายรู้จักกันก่อน
คุณยืนยง ประสิทธิพรหม (เสียงปรบมือ) เป็นอดีตผู้ตรวจราชการของกระทรวงมหาดไทย เป็นนักวางแผน และเคยเป็นผู้ช่วย ศอ.บต.ซึ่งทำงานเกี่ยวกับภาคใต้ คุณบรรยง (เสียงปรบมือ) เคยเป็นอดีต กอ.รมน. เคยทำงานเกี่ยวกับภาคใต้เหมือนกัน เรากำลังนั่งคุยกันว่า ในอนาคตอันใกล้นี่เราจะทำให้เมืองเทพาเป็นเมืองท่องเที่ยวของโลกได้อย่างไร ถ้าเผื่อว่าท่านไม่เคยเดินทางไปทุกหนทุกแห่งของ อ.เทพา
ท่านอาจจะไม่รู้ว่าเมืองเมืองนี้ เมืองเล็กๆ เมืองนี้มีคุณค่ามหาศาลอย่างที่เราคาดไม่ถึง เรานึกไม่ออกนะครับ เราคิดแต่ว่าเมืองนี้ปลูกยางพาราเป็นหลัก เมื่อราคายางตกต่ำเศรษฐกิจก็ทรุดโทรม สิ่งที่เราคิดไม่ออกก็คือว่า มันมีมรดกมากมายมหาศาลอยู่ใต้แผ่นดิน อยู่เหนือแผ่นดิน อยู่เหนือพื้นน้ำ อยู่รอบไปหมด เราแล่นเรือไปเมื่อวานนี้ประมาณ 6 ชั่วโมง ทั้งไปทั้งกลับ เราได้รู้ว่าที่นี่คือขุมทรัพย์ซึ่งเราจะใช้อย่างไรก็ไม่หมดในอีกพันปีข้างหน้า ถ้าเรายังรักษาเมืองเทพาให้อยู่ในสภาพเหมือนเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว และมันยังอยู่ในขณะนี้
ท่านทั้งหลายอาจจะเคยไปเที่ยวต่างประเทศ อาจจะเคยไปมลายู อาจจะเคยไปสิงคโปร์ อาจจะเคยไปเวียดนาม อาจจะเคยไปที่ไหนสักแห่งแม้แต่เวียดนาม เขมร หรือพม่า ประเทศเหล่านั้นพยายามขุดเอาธรรมชาติมาขาย แต่ขายอย่างชนิดที่วัตถุที่ขายนั้นยังอยู่ ไม่สูญหายไปไหน นั่นก็คือเปิดให้คนข้างนอกมาชื่นชมแล้วก็กลับไป
เมืองเทพาควรจะต้องเป็นอย่างนั้น ควรจะต้องเป็นสถานที่ซึ่งคนอยากจะมาดู อยากจะมาชม อยากมาเห็นแล้วก็กลับไปชวนคนอื่นๆ มาชื่นชม เมื่อครั้งที่ผมอายุสักประมาณ 5 ขวบ ผมมักจะไปเล่นที่สะพานเหล็ก อยู่ใต้ลงไปจากสถานีรถไฟประมาณครึ่งกิโลเมตร สมัยนั้นเรารู้สึกว่ามันไกลมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ได้พบก็คือว่า เพียงแต่เราไปนั่งริมตลิ่งแล้วก็ยื่นมือลงไปในน้ำ เราก็จะจับกุ้งขึ้นมาได้ประมาณ 1 ตัวห รือ 2 ตัว โดยที่มัน ก้ามของมันที่แข็งแกร่งก็งับเอานิ้วของเราไปด้วยพร้อมๆ กัน
แล้วเมื่อวานนี้เชื่อไหมครับ ผมก็ได้ทำเช่นนั้นอีก ผมได้จับกุ้งขึ้นมาจากแม่น้ำจากริมฝั่งแม่น้ำ น้ำหนักเกือบครึ่งกิโลกรัม เมืองเทพายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าเราพยายามรักษามันไว้ เหมือนเมื่อ 60 ปีที่แล้วทุกประการ แต่มูลค่ามันมากกว่าเดิมตรงที่ว่ามันจะขายได้ ผมได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อ “ผีเสื้อดอกไม้” ในปีพุทธศักราช 2518 นั่นคือ 41 ปีมาแล้ว
หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลหนังสือแห่งชาติ สร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2528 และใช้สถานที่จริงคือโรงเรียนบ้านเทพา เป็นฉาก ใช้ตลาดนัดในตัว อ.เทพา ซึ่งเราเรียกกันว่าตลาดแขกเป็นฉาก ใช้สถานีรถไฟ และรางรถไฟ และใช้สะพานเหล็กเป็นฉากสำคัญ หนังสือเรื่องนี้เมื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ไปประกวดที่ฮาวายในปี 2529 และได้รับรางวัลภาพยนตร์นานาชาติกลับมา หนังสือเรื่องนี้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาจีน และที่สำคัญก็คือแปลเป็นภาษามลายู
เมื่อแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั้งหลาย คนอ่านก็อยากจะมาเห็นว่าไอ้สะพานเหล็กเนี่ยะมันอยู่ตรงไหน สะพานเหล็กที่พูดถึงสะพานที่ตัวละครแสดง และก็ห้อยโหนโจนทะยานไปตามที่เราเห็นในภาพยนตร์ สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ขณะสะพานเหล็กถ้าเราจะขายเราขายได้ เราจะดึงคนจากทั่วโลกเข้ามาในเมืองเทพาได้อย่างไม่รู้จักสิ้นสุด เราไม่ต้องวิตกว่ายางราคาตกต่ำ เราไม่จำเป็นจะต้องขายยางพารา ขายสถานที่ซึ่งเรามีอยู่คือ แม่น้ำลำคลอง ชายทะเล เกาะ ภูเขา รถไฟ และก็ตัวเมืองเล็กๆ นี้
โลกทุกวันนี้ต้องอยู่กันด้วยความคิด เราไม่อาจจะขายสมบัติชนิดที่ขายไปแล้วหมดไปเลยเพราะเราหาได้ไม่ทัน และสมบัติบางอย่างมันก็มีมูลค่าลดลงการเกษตรอาจจะเสื่อมทรามลง การอุตสาหกรรมจะทรุดโทรมเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมันเป็นเมืองอุตสาหกรรม เมืองนั้นจะเป็นเมืองอันสกปรกทั้งสิ้น ไม่มีเมืองอุตสาหกรรมไหนหรอกครับที่เป็นเมืองสะอาด
ยกตัวอย่างง่ายๆ มาบตาพุด เคยเป็นชายทะเลที่สวยงามมาก และท้ายที่สุดเดี๋ยวนี้มาบตาพุดเป็นอะไร มาบตาพุดกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม และกลายเป็นแหล่งทำให้คนเจ็บป่วยมากที่สุดในภาคตะวันออก เพราะเราคิดว่าการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมคือ ทำให้คนมีงานทำ แต่เราลืมคิดไปว่าคนทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีเป็นเพียงเป็นร้อยเป็นพัน แต่คนที่ไม่ได้ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมมีเป็นหมื่นเป็นแสนนั่นนะเค้าจะต้องรับพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริงเราปฏิเสธไม่ได้ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าเมื่อใดก็ตามเราเปลี่ยนธรรมชาติให้เป็นอุตสาหกรรมเราจะต้องรับเคราะห์
ดังนั้น เมื่อวานนี้เราจึงวานแผนกันในเวลาอันรวดเร็วและสั้น ผมในฐานะที่รัฐบาลอนุญาตให้ใช้คำว่าศิลปินแห่งชาติ รัฐบาลอนุญาตให้ผมเดินทางโดยเครื่องบินได้ฟรีทุกครั้งทั้งในประเทศ และนอกประเทศเมื่อจะไปทำงาน เราจึงวางแผนกันว่าถ้าเราจะเขียนแผนสักแผนหนึ่งเพื่อที่จะบอกรัฐบาล และบอกโลก บอกยูเนสโกว่า เรากำลังจะทำให้เมืองเทพาเป็นเมืองท่องเที่ยวของโลกจะได้หรือไม่
เมืองท่องเที่ยวคืออะไร เมืองท่องเที่ยวก็คือเมืองซึ่งประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นอาจจะไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่จะได้สตางค์ เช่น มีบ้านอยู่ริมคลองหลังหนึ่ง มีครอบครัวมีลูกหนึ่งคนมีภรรยามีสามี คนสามคนอยู่ในบ้านนั้น แต่บังเอิญห้องว่างมันว่างมันว่างอยู่หนึ่งห้อง เปิดรับนักท่องเที่ยวที่สมัยนี้เขาเรียกกันว่า “โฮมสเตย์” คุณก็จะได้เงินโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย
ถ้าเราคิดไม่ออกอีกเราไม่มีบ้าน เราไม่มีอะไร เราก็เพียงแต่นำนักท่องเที่ยวเดินไปตามที่ต่างๆ เราอาจจะจัดการท่องเที่ยวตามแม่น้ำ หรืออาจจะจัดการท่องเที่ยวตามทะเล หรือจะจัดการท่องเที่ยวตามหนแห่งที่มันมีอยู่
เมื่อวานนี้ผมนั่งเรือจากปากบาง ขึ้นไปจนถึงที่สะพานเหล็ก พยายามที่จะล่องเรือขึ้นไปถึงแม่ชี แต่ปรากฏว่า ไปไม่ได้ เพราะไปติดเส้นเชือกที่ซึงเอ่อซึ่งอะไรที่เค้าดูดทรายขึงเอาไว้เพื่อที่จะดึงอะไรก็ไม่รู้อะนะครับ เรือแล่นต่อไปไม่ได้ และสิ่งหนึ่งที่ได้พบจากการดูดทรายก็คือ สภาพลำคลองกลายเป็นทะเลสาบที่เวิ้งว้าง นี่คือการทำลายธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เราไม่รู้ตัวนะครับ
การเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้ผิดไปจากเดิม จะทำให้ระบบนิเวศสูญเสียต่อเนื่องกันไปหมด เมื่อเราขุดทรายที่หนึ่งอย่างไม่มีวันหยุด น้ำในลำคลองก็จะขุ่นต่อเนื่องกันไปอย่างน้อยที่สุดสักประมาณสาม หรือสี่ห้ากิโลเมตร สำหรับเราซี่งอยู่บนบกเราอาจจะรู้สึกว่า น้ำขุ่นไม่เห็นเป็นไรเราไม่ได้ใช้น้ำคลองมากิน แต่อย่าลืมว่าในลำคลองมีสัตว์ทุกชนิดอยู่ตั้งแต่ กุ้ง หอย ปู ปลา และสัตว์อื่นคือ แพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์เหล่านี้
ระบบนิเวศคืออะไร ระบบนิเวศคือ ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันหมด ผมจะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ ระบบนิเวศง่ายๆ สั้นๆ สมมติว่าผมมีบ้านอยู่ติดกับเพื่อนแล้วบังเอิญบ้านผมมีทรายอยู่เต็มไปหมด วันหนึ่งผมก็ให้คนมาดูดทรายดูดไปจนกระทั่งมันลงลึกลงไป เรื่อยๆ ท้ายที่สุด ไม่ต้องท้ายที่สุดหรอกครับ สักประมาณสิบถึงยี่สิบเมตรบ้านของเพื่อนก็จะพังลงมาทันที บ้านของเพื่อนดูดทรายแต่บ้านของเรายืนตระหง่านอยู่ในที่สุดมันก็จะพังไปตามแรงที่ดึงดุดตามโลกดึงดูด
ผมกำลังจะเล่าให้ฟังว่า บางทีเราอาจจะต้องคิดย้อนกลับไปว่า บรรพบุรุษของเราได้เก็บอะไรเอาไว้บ้างเอาไว้ในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้มากมายมหาศาลอย่างที่เราคิดไม่ถึง เราต้องคิดว่าอย่างนี้ว่า ถ้าเราไม่มองไปรอบตัว เราปล่อยให้สิ่งต่างเกิดขึ้นรอบๆ เรา วันหนึ่งความเดือดร้อนก็จะตกอยู่แก่เรา เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะปล่อยปละละเลยไม่สนใจอดีต
เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ผมรู้จักพรานคนหนึ่งชื่อ บังมูด บังมูด จับจระเข้จากแม่น้ำเทพาได้วันละตัว จับจระเข้ได้วันละตัวจนบังมูดบอกว่าไม่มีแรงที่จะกรีดท้องมัน และเอ่อแผ่ท้องมันเอาหนังไปตากแห้ง ตากไม่ทัน เพราะฉะนั้นต่อจากนี้จับแค่วันละสัปดาห์ก็พอ เอ่อสัปดาห์ละตัวก็พอ และวิธีจับก็คือ ใช้มือเปล่า
ผมถามว่าทำไมต้องจับมือเปล่า ทำไมไม่ใช้อาวุธเหมือนคนอื่น เค้าบอกว่าในการต่อสู้ระหว่างคู่ต่อสู้ของเรา ระหว่างเรากับสัตว์ เราจะต้องมีศักดิ์ศรี และเราจะต้องให้เกียรติสัตว์ ซึ่งเราจะต่อสู้ บังมูดจับงูขนาดตัวเท่าท่อนขาเพื่อที่จะเอาหนังสตัฟฟ์ไว้แล้วก็ขายหนัง แล่เนื้อให้คนกินเนื้อกิน เราได้เห็นกิจกรรมเหล่านี้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว และผมเชื่อว่าถ้าเกิดว่ามีพรานสักคนลงไปในแม่น้ำเทพา เราก็ยังได้จับจระเข้ได้
ผมตกใจมากเมื่อวานนี้ที่ผมจับกุ้งได้ตัวหนึ่ง ดังนั้น ผมเล่าเรื่องเมืองเทพาในขณะนี้มากกว่าในอดีต เพราะถ้าจะเล่าถึงอดีตคุณอาจจะนึกไม่ถึง อาจจะมองไม่เห็น อยู่ไกลเกินไปจึงควรจะเล่าใกล้ๆ มากกว่านะครับว่าขณะนี้เมืองนี้ยังอุดมสมบูรณ์ดีมาก อุดมสมบูรณ์อย่างวิเศษ และถ้าหากเราทำให้ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวิเศษนั้นยังคงอยู่ เราจะกอบโกยทรัพย์สมบัติที่มีจากเมืองนี้โดยที่เราไม่ต้องเสียอะไรเลย เราจะอยู่กันอย่างเป็นสุข
อยู่กันอย่างเป็นสุขคืออะไร อยู่กันอย่างเป็นสุขก็คือเราไม่ต้องมีพวก ไม่ต้องมีฝ่าย และที่ผมเดินเข้ามาจากทางเข้า ผมเห็นกลุ่มผู้ต่อต้านการไฟฟ้า ไม่ใช่ต่อต้านการไฟฟ้า ผมลงจากรถไปคุยด้วย มีทั้งเด็ก มีทั้งผู้ใหญ่ มีทั้งผู้ชาย มีทั้งสตรี ถามว่าคุณเป็นใครมาจากไหน เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนที่นี่ ถามว่าทำไมคุณต่อต้าน การก่อสร้างโรงงานไฟฟ้ามันดีไม่ใช่หรือ เค้าบอกเค้าไม่ได้ต่อต้านโรงไฟฟ้า แต่เค้าต่อต้านถ่านหิน ผมก็พยายามสนทนาแต่ก็ถามต่อไปอีกว่า ถ้าสมมติว่าการไฟฟ้าจะเปลี่ยนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นอย่างอื่นทุกคนตอบเหมือนกันโอเคยินดี
ที่จริงผมไม่ได้รับเชิญให้มาพูดเรื่องการไฟฟ้า แต่ว่า แต่ว่าบังเอิญเมื่อเข้ามาในงานเห็นแต่พวก กฟผ. เต็มไปหมด จนกระทั่งสงสัยว่าผมมาผิดงานหรือเปล่า เพราะว่าในจดหมายเชิญนั้นบอกว่าให้มาพูดเรื่องเมืองเทพา ผมบอกว่าผมยินดีเพราะว่าความคิดนี้อยู่ในสมองผมตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ผมจะเล่าย้อนกลับไปนะครับว่า เมื่อผมเริ่มเป็นเด็ก ผมรัก รักเมืองนี้มาก รักเมืองนี้ตรงที่ว่ามีผู้คนมาเมืองนี้ทุกอาทิตย์ ทุกสัปดาห์ทุกวันอาทิตย์มีผู้คนมาเต็มไปหมด ทุกวันอาทิตย์ผมได้ขึ้นหลังม้า ซึ่งชาวบ้านจากเมืองอื่นเค้าขับขี่ม้ามา และก็มาลงมาล่ามเอาไว้ที่หน้าบ้านผมแล้วผมก็ขึ้นหลังม้าแล้วผมก็เคยตกจากหลังม้า
และเมื่อผมโตขึ้นเรื่อย เรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันหายไป (อะหึ่ม..ผมขอน้ำดื่มสักขวดหนึ่ง) เอ่อ..ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายไป ม้าน้อยลง ช้างยิ่งน้อย และในที่สุดช้างก็หมดไปเลย วันอาทิตย์ไม่มีช้างอีกแล้ว มีอะไรเข้ามาแทน ต่อมาเริ่มมีรถยนต์เข้ามาแทน เมื่อมีรถยนต์เข้ามาแทนมันก็มีเสียงมีอะไรต่อมิอะไรมาก มีฝุ่น มีเขม่า มี มีสิ่งซึ่งเราเรียนในเวลาต่อมาเมื่อเราเรียนชั้นมัธยมเราเรียนภาษาอังกฤษมีสิ่งซึ่งมีคำๆ หนึ่งนั่นคือ “โพลูชัน” ไอ้สิ่งของความเป็นพิษของสิ่งรอบด้านนั่นอะ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา
ดังนั้น ความคิดในหัวสมองของผมมันบอกตลอดเวลาว่า อ.เทพา กำลังจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไป เปลี่ยนไป แต่อันที่จริงถ้าเผื่อว่าเราออกไปในชนบทเราไปเจอผู้คนในอำเภอท้องถิ่นต่างๆ เราจะไม่เห็นหรอกว่าความเปลี่ยนไปมันกำลังเกิดขึ้น ความเปลี่ยนไปมันเกิดขึ้นในตัวอำเภอซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในหลายๆ ประเทศนะครับ เมื่อเวลาเค้าจะทำให้บ้านเมืองมีเศรษฐกิจดีเค้าพยายามนึกถึงธรรมชาติก่อนอื่น
ถ้าเผื่อว่าเราไปเวียดนามตอนนี้เราจะเห็นได้ชัดว่าเมืองในประเทศเวียดนาม เมืองชายทะเลไป จนถึงเมืองภูเขา แม้กระทั่งเมืองทุ่งนาอะนะครับ เค้าจะทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหมด เพราะว่าเวียดนามได้รู้แล้วว่าเมืองอุตสาหกรรมนั้นนะมันไม่ช่วยให้ประชาชนดีขึ้นในระยะยาว มันจะมีแต่บั่นทอนทรัพยากรธรรมชาติ และที่สำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดก็คือบั่นทอนทรัพยากรมนุษย์
เมื่อเราถูกบั่นทอนธรรมชาติ สิ่งที่เราจะถูกบั่นทอนตามมาก็คือ สภาวะจิตใจ สิ่งที่จะบั่นท่อนมากที่สุดสำหรับการเป็นมนุษย์ก็คือ การขัดแย้งกันระหว่างความเป็นมนุษย์ด้วยกัน สิ่งที่ทำให้มนุษย์เสื่อมโทรม และทรุดโทรมก็คือ ความไม่ลงรอยกันระหว่างคนซึ่งอยู่ในท้องที่เดียวกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิด ไม่ควรเกิด และไม่ควรเกิดในอำเภอเทพา ซึ่งเป็นเมืองเทพ เทพาไม่ใช่ชื่อปลานะครับแปลว่าเมืองเทพ
การเป็นเมืองเทพก็คือการอยู่อย่างสงบ ผมไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้งกันระหว่างสองฝ่าย แม้ฝ่ายหนึ่งบอกว่าจะสนับสนุนความเจริญก้าวหน้าซึ่งมาด้วยการไฟฟ้า และอีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าเค้ากำลังถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพบางอย่าง โดยเฉพาะถิ่นที่เค้าเคยอยู่มาก่อน เราจะพูดอะไรอย่างไรก็เราไม่ควรจะทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างผู้คน เราเคยเห็นการแตกแยกมามาก ในท้องที่ใกล้เคียง ในท้องที่ห่างไกล
ในประเทศอื่นเราเคยเห็นการแตกแยกมามาก การแตกแยกระหว่างผู้คนแม้แต่จะอยู่ในท้องที่เดียวกันในที่สุดจะกลายเป็นสภาวะสงคราม แม้ไม่เป็นสภาวะสงครามที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธ ก็เป็นสภาวะสงครามทางจิตใจ สภาวะสงครามทางจิตใจนั้นมันโหดร้ายมากเพราะเราตื่นขึ้นมาเรารู้สึกว่าเราเกลียดชังคนนี้ เราไม่ชอบคนโน้น เราพร้อมที่จะด่าทอคนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
เทพาเมื่อ 60 ปีที่แล้วแม้แต่ไก่ทอด วันดีคืนดีมีคนจากรัฐบาลเดินทางมาถึง อ.เทพา ถามว่าพี่เล็กอยู่ที่ไหน บุคคลผู้นั้นไม่ถามหานายอำเภอนะครับ ไม่ถามว่านายอำเภออยู่ที่ไหน แต่ถามหาพี่เล็ก และก็มีคนนำทางไปบ้านพี่เล็ก บุคคลผู้นั้นก็ไปบอกพี่เล็กบอกว่า เตรียมตัวนะครับ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอเชิญไปทอดไก่ให้รับประทานที่กรุงเทพฯ เห็นมั้ยครับแม้แต่ไก่ทอด 1 ชิ้น ยังไปถึงรัฐบาลได้
แต่ว่าเมืองทั้งเมืองมีอะไรต่อมิอะไรมากมายมหาศาล มีผู้คนมากมาย มีคนอย่างที่ผมแนะนำให้รู้จักเมื่อกี้ 2 คน มากกว่านั้น มากกว่านั้นเยอะ คนเทพาที่มีหัวสมองก็เยอะมาก แต่ว่าดูเหมือนว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะต้องมารวมหัวกันเพื่อที่จะคิดการอะไรสักอย่างหนึ่ง
บัดนี้ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมาคิดกัน ถ้าเผื่อว่า ถ้าเผื่อว่าเราจะทำตามข้อเสนอของคนกลุ่มน้อยๆ ที่ผมเห็นเมื่อเดินผ่านเข้ามาว่าขอให้เปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโรงไฟฟ้าอย่างอื่นได้มั้ย แค่นั้นแหละทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับกลายมาเป็นเทพาอย่างเดิม
ดังนั้น การกลับมาครั้งนี้ผมถือว่าผมกำลังกลับมาเพื่อที่จะขอบคุณถิ่นเกิดด้วยความคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พยายามที่จะไม่ให้คนบ้านเราต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแล้วก็ทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยความคิดอันสืบเนื่องมาจากเรื่องเล็กนิดเดียวคือ โรงไฟฟ้าถ่านหิน ก่อนที่จะมาผมก็พยายามศึกษานะครับว่าในโลกนี้ยังเหลือโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกกี่แห่ง แทบจะไม่มีประเทศไหนสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินแล้วนะครับ
“มกุฎ อรฤดี” ศิลปินแห่งชาติ
ไม่ใช่เพราะถ่านหินกำลังจะหมดไปจากโลก ไม่ใช่เพราะมีผู้คนต่อต้าน แต่เป็นเพราะว่าถ่านหินนั้นนะเป็นสิ่งล้าสมัยไปซะละ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายที่เราจะทำโรงไฟฟ้าได้ ในประเทศอินเดีย ประเทศอินเดีย ผมชื่นชมประเทศอินเดียเพราะว่าเมื่อ 68 ปีก่อน หลังจาก 68 ปีผ่านไป ประเทศอินเดียถูกยึดครองโดยประเทศอังกฤษเป็นเวลานานมาก ในปี 2491 ประเทศอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ
ในปีที่ผมเกิด ประเทศมี รปภ. รปภ.นะครับ สมัยนี้เราเรียกกันว่า รปภ. แต่สมัยนั้นเราไม่เรียกว่า รปภ. เราเรียกว่าแขกยาม เพราะคนที่ทำหน้าที่เฝ้ายามร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคนอินเดีย ถ้าเราพูดอย่างนี้ก็อาจพอจะเข้าใจได้ว่าคนอินเดียไม่ใช่คนที่มีฐานะดีนะครับ คนอินเดียฐานะไม่ดีจึงมารับจ้างเป็นแขกยามในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ
ทันทีที่ประเทศอินเดียได้รับเอกราช เยาฮาราล เนรู นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศตั้งสถาบันหนังสือแห่งชาติ เพื่อจัดการระบอบการอ่านหนังสือพื้นฐานให้แก่คนอินเดียทั้งประเทศ โครงการนี้เรียกว่าโครงการร้อยปีหมายความว่า นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป เป็นต้นมาจนกระทั่งบัดนี้และไปอีก 32 ปี ประเทศอินเดียต้องมีคนที่อ่านหนังสือได้ และรู้และก็ใช้ประโยชน์จากการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาประเทศชาติ
ขณะนี้คนอินเดียไม่มีแขกยามอีกแล้ว ผมอยู่ในกรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 24 แต่ก่อนเป็นสลัม แต่ขณะนี้ได้ชื่อว่าเป็นซอยของคนรวยเพราะมีคอนโดมิเนียมเต็มไปหมด เชื่อมั้ยครับว่าเจ้าของซอยครึ่งหนึ่งเป็นคนอินเดีย ประเทศอินเดียขณะนี้ทำการไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์เป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่ประเทศอินเดียกว้างใหญ่ไพศาล จะทำไฟฟ้าด้วยระบบวิธีอะไรก็ได้ แต่ด้วยความฉลาดของรัฐบาลอินเดียซึ่งวางมาเป็นเวลาร้อยปีในเรื่องวิชาความรู้ในที่สุดตัดสินใจว่าการที่เราจะใช้พลังงานสำหรับทำไฟฟ้าด้วยเครื่องจักรกลอะไรก็ตามที่มันส่งผลเสียในทางอากาศนั้นนะ มันเป็นผลเสียแก่คนส่วนมาก
ดังนั้น การจะทำด้วยวิธีใหม่คือโซลาร์เซลล์ เป็นเรื่องดีที่สุด คำถามของผม ผมไม่ได้ต่อต้านไฟฟ้านะ แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ถ่านหิน คำถามก็คือว่าทำไมเรายังใช้เทคโนโลยี ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นเทคโนโลยีบริสุทธิ์แต่ถ่านหินมันล้าสมัย ทำไมเราจึงไม่ใช้สิ่งใหม่กว่า ในเยอรมนีประเทศเยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เอ่อๆ เทคโนโลยีเยี่ยมมากก็เลิกใช้ถ่านหินไปเรียบร้อยแล้ว และก็ใช้แต่โซลาร์เซลล์
ประเทศญี่ ก็ไปไกลกว่าเรา และก็เจ็บมากกว่าเราก็คือ ใช้พลังนิวเคลียร์และก็เจ็บปวดมากกว่าเรา อะไรก็ตามที่มันเร็วเกินไปแล้วยั้งไม่อยู่มันก็จะเจ็บปวดมาก อะไรที่ล้าหลังเกินไปที่ดึงไม่ไหวก็อย่าไปดึงเลยครับ อยู่ตรงกลางๆ ที่คนอื่นเค้าเอา คือถ้าบอกผมตั้งแต่แรกให้มาพูดให้การไฟฟ้าผมก็อาจจะไม่มา แต่พอบอกว่าให้มาเล่าเรื่องเมืองเทพา และพอมาเห็นรู้ว่าการไฟฟ้าเป็นเจ้าภาพผมก็ลำบากใจนะครับที่จะพูดว่าผมเห็นด้วย เพราะผมไม่เห็นด้วย (เสียงปรบมือ)
ผมไม่ได้คัดค้านว่าอย่าสร้างโรงงานไฟฟ้านะครับ เพราะโรงงานไฟฟ้าเป็นเรื่องจำเป็นในการพัฒนาบ้านเมือง ใช่เป็นเรื่องจำเป็นแต่ถามว่าสร้างด้วยอะไรเหมือนเมื่อกี้ที่บอกว่าขุดทรายทำไมเราต้องขุดทรายในแม่น้ำซึ่งมันเป็นแม่น้ำ ทำไมเราไม่ไปหาแหล่งทรายอื่นที่ไม่กระทบกระเทือนแม่น้ำ เราคิดน้อยเกินไปหรือเปล่า เราคิดสั้นเกินไปหรือเปล่า เราคิดเฉพาะหน้าเกินไปหรือเปล่า ถ้าเราคิดปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียวเราจะไปไหนไม่ได้นะครับ
ผมศึกษาการอ่านของประเทศนี้มาตั้งแต่อายุ 13 ท่าน ท่านทั้งหลายอยู่ที่นี่ ท่านรู้ว่ามีโรงเรียนสองแห่งในเมือง คือ โรงเรียนบ้านเทพา เป็นโรงเรียนประถม ผมเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านเทพา แต่ไปเรียนประถมปลายที่โรงเรียนแสงทองวิทยาหาดใหญ่ และก็กลับมาเรียนมัธยมที่โรงเรียนเทพา ผมอยากจะพูดอวดสักหน่อยนะครับสมัยก่อนโรงเรียนเทพาเป็นป่า เราเรียกว่าป่าดงดิบเลยนะครับมีต้นไม้หลากหลายชนิด มีป่ายางเล็กน้อย
ในปี 2504 เริ่มสร้างโรงเรียน นักเรียนรุ่นแรกมี 26 คน เวลาครึ่งหนึ่งหมดไปกับการถางป่าเวลาเรียนเหลือเพียงครึ่งเดียว ผมเข้ามาเป็นรุ่นที่ 2 หนักกว่านั้น เราต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสร้างอาคาร สนามบาสเกตบอลที่มีอยู่นั่นฝีมือผมนะครับ ผมขุดตอไม้จำนวนสักประมาณ 150 ตอ ในเวลา 3 ปี เพื่อนผมซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังที่แนะนำเมื่อกี้ขุดตอไม้สักประมาณ 200 หรือ 300 เพราะเค้ามีเรี่ยวแรงมากกว่าผม
เมื่อผมอายุ 13 ผมมาเรียนโรงเรียนที่เทพา เราไม่มีห้องสมุดก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ผมเคยเรียนโรงเรียนฝรั่งจะหาหนังสืออะไรอ่านก็ได้แต่พอมาอยู่ที่นี่ไม่มีแม้แต่หนังสือสักเล่ม ผมเป็นคนสร้างห้องสมุดเมื่ออายุ 13 วิธีการก็คือ ขอเงินเพื่อนเดือนละ 1 บาท ได้มา 8 บาท ไปซื้อนิตยสารมาและก็คอยสะสม ค่อยๆ สะสม ผมไม่ได้กลับมาโรงเรียนหลายปี
แต่หลังจากที่ผมจบออกไปเป็นเวลา 25 ปี ปรากฏว่า หนังสือส่วนมากของโรงเรียนยังเป็นของผมอยู่ เพราะหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในห้องสมุดนั้นผมซื้อไว้ให้ ทำไม โรงเรียนไม่มีงบประมาณครับ สมัยนั้นคำว่างบประมาณสำหรับเราเราไม่รู้จักครับ ครูบอกว่าไม่มีงบประมาณสำหรับห้องสมุด ไม่มีงบประมาณสำหรับซื้อหนังสือ ผมบอกไม่เป็นไร ถ้าไม่มีงบประมาณเราจะจัดการเอง
ผมเริ่ม เริ่มจากสร้างห้องสมุดเล็กๆ จากเดิมที่มันมีห้องเก็บอุปกรณ์เกษตรเล็กๆ มีมุมหนึ่งเราก็เอาจอบออกซะแล้วก็ทำชั้นจากเถาวัลย์ และก็เอาหนังสือไปวาง และหลังจากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ วันหนึ่งคุณครูสมชาย บอกว่า เรากำลังจะสร้างห้องสมุด ผมบอกไม่เป็นไรต้องใช้เงินเท่าไหร่ผมจะส่งให้สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งศตวรรษ เพราะว่า เพราะสิ่งใดก็ตามที่ทำอยู่ลำพังคนเดียวมันโตไม่ได้
การสร้างสังคมมันไม่เหมือนการปลูกต้นไม้หนึ่งต้น การปลูกต้นไม้หนึ่งต้นแค่เอาเมล็ดฝังลงไปในดินวันหนึ่งมันได้รับน้ำมันเติบโตมันใหญ่ในอีกสามสิบปี หรืออีกสี่สิบปีข้างหน้าต้นไม้ใหญ่มหึมาเลยแผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ แต่การสร้างสังคมนั้นมันจะใช้คนคนเดียวไม่ได้ต้องใช้คนหลายคนต้องช่วยกัน
ผมอาจจะเล่าเรื่องเมืองเทพาได้ไม่มากเวลาก็มีอยู่นิดเดียวตอนนี้ก็เกือบจะหมดแล้ว สิ่งที่ผมเตรียมจะพูดผมไม่ได้พูด เพราะว่าผมมาเห็นภาพอีกอย่างหนึ่ง ภาพที่ผมเห็นคือความขัดแย้งระหว่างคนซึ่งเป็นคนที่ผมรัก ผมอยากจะบอกว่า เราควรจะคิดให้มากกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเพราะถ้าเราคิดเพียงแต่ว่าเราเห็นด้วยที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในขณะที่มีพวกซึ่งไม่เห็นด้วยสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้กับคนเทพาจะเป็นคนจร หรือเป็นคนที่เกิดที่นี่เติบโตที่นี่ หรือคนมาจากที่อื่นแล้วมาตั้งรกรากที่นี่ หรือคนที่เพียงแต่มาชั่วครู่ชั่วยามแล้วจากไปก็ตาม สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า เราควรจะคิดมากกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน คิดไปไกลกว่านั้น คิดไปไกลกว่าประโยชน์ที่เราจะได้ คิดไปถึงอีก 30 ปี 50 ปี 100 ปีข้างหน้า คิดไปเพื่อที่จะให้คนในอนาคต ได้กล่าวถึงเราอย่างชื่นชมว่าโคตรเหง้า (เน้นเสียง) บรรพบุรุษของเราตัดสินในดี
อย่าให้เด็กซึ่งเกิดมาทีหลังบอกว่า พ่อแม่ของเราตัดสินใจผิดเพราะเห็นแก่ได้เพียงนิดเดียว ผมไม่ทราบนะครับ ผมไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้า ผมไม่มีความรู้เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าอะตอมมิก เรื่องไฟฟ้าเอ่อชีวมวลชีวภาพอะไรผมไม่มีความรู้ทั้งสิ้น แต่ผมมีความรู้อย่างหนึ่งว่า เราจะทำให้เมืองเทพาเป็นเมืองที่ดีได้ ผมรู้ ถ้าใครไม่รู้เรื่องเมืองเทพามาถามผมเถิดผมรู้ เพราะฉะนั้นเราอย่าใช้ความไม่รู้ไปตัดสินถึงสิ่งซึ่งเราไม่รู้ เราต้องรู้ก่อนอย่างหนึ่งนะครับ อย่างหนึ่งที่เราต้องรู้ว่า เราจะรักษาเมืองเทพาให้สงบสุข ให้อยู่ดีมีสุข ให้เป็นเมืองที่เจริญงอกงาม ให้เป็นเมืองที่กล่าวขานไปทั่วโลกไม่ใช่เพียงทั่วประเทศ หรือทั่วจังหวัดได้อย่างไร
เราจะทำอย่างไรให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีคุณค่าอย่างที่ คุณยืนยง บอกเมื่อวานนี้บอกว่าเมืองนี้มันยิ่งกว่าเพชร มันไม่ใช่แค่ถ่านหิน ไอ้เพชรนั่นนะมันเป็นการกลั่นออกมาของถ่านหินซึ่งผ่านไปตั้งหลายล้านปี แต่นี้มันยิ่งกว่าเพชรนะครับ เมืองนี้มันยิ่งกว่าเพชร เมืองนี้มันเป็นเมืองที่พิเศษมาก และถ้าเผื่อว่ากล่าวกันอย่างท้าทายผมอาจจะบอกด้วยซ้ำว่า เราลองผู้บริหาร หรือใครก็ตามลองลงเรือที่ปากบาง แล้วก็ลอยลำมันไปช้าๆ ช้าๆ มองดูสองข้างทางตลอดทุกนาทีไปจนกระทั่งถึงสะพานเหล็ก
เลยสะพานเหล็กขึ้นไป พอเลยสะพานขึ้นไปน้ำมันจะเริ่มขุ่นแล้วนะครับ ขณะนี้สิ่งที่อำเภอควรจะทำอย่างแรกสุดต้องรักษาแม่น้ำเทพาเอาไว้ให้ดี แม่น้ำเทพาจะเป็นหัวใจของเมืองนี้เหมือนกับที่มันเคยเป็นมาแล้วเมื่อในอดีต ถ้าเราจะทำให้เมืองนี้มีคุณค่าขึ้นเราจะต้องรักษาสายน้ำนี้เอาไว้ให้ดีอย่าทำลายครับ
ขณะนี้เราถูกทำลายไปแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง ในพื้นที่หลายร้อยไร่สูญเสียไป เอ่อ ผมอยากจะบอกฝากไว้อีกนิดนึงในรายละเอียด คือว่าเราไม่ห้ามนะครับ โดยปกติแล้วไม่มีที่ไหนห้ามขุดทรายแต่เค้าจะต้องศึกษาก่อนที่จะขุดทรายว่าในแม่น้ำนั้นนะมีสัตว์ชนิดใดอยู่บ้างนะครับ ศึกษาอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม นะครับ วันที่ 1 มกราคม เนี่ยะปลาชนิดไหนมันมีมากเป็นพิเศษ แล้วปลาชนิดไหน หรือกุ้ง หรืออะไรก็ตามที่เป็นสัตว์น้ำเนี่ยะมันจะออกไข่มันจะฟัก หรือมันจะเติบโตในวันที่เท่าไหร่
ศึกษาไปเรื่อยจนกระทั่งครบ 1 ปี แล้วเราจะรู้ว่ามันมีช่วงไหนบ้างที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์น้ำ แล้วเราจึงอนุญาตให้ดูดทรายในเวลานั้นสัตว์น้ำจึงจะไม่ถูกทำลาย แต่มันจะต้องเว้นช่วงไม่ใช่คุณขุดทรายกันทุกวันตลอดวันตลอด 24 ชม. ตลอดทั้งปี และท้ายที่สุดเนี่ยะธรรมชาติมันจะสูญหายไปหมด การที่เราทำธรรมชาติให้อำเภอเทพาหายไปหมดเนี่ยะ มันเหมือนทำลายหัวใจนะครับ คนที่หัวใจล้มเหลวก็จะอยู่ไม่ได้นะครับ ท้ายที่สุดเค้าก็จะตาย
เราอย่าทำลายหัวใจของอำเภอเทพา ถ้าเราเปรียบสายน้ำเป็นหัวใจของอำเภอเทพา คนอำเภอเทพานั่นนะสำหรับตัวเมืองคือลมหายใจ ถ้าคุณไม่มีหัวใจ ไม่มีลมหายใจคุณก็ตาย เราจะอยู่ในเมืองที่ตายแล้วเหรอครับ เราอยู่ไม่ได้ ฟังมาทั้งหมดผมอาจจะไมได้พูดถึงเล่าเรื่องเมืองเทพาอย่างที่บอกไว้ เพราะผมต้องเปลี่ยนความคิดที่คิดมาแต่เดิม ที่คิดมาแต่เดิมว่ามาเล่าเรื่องสนุกสนาน แต่ปรากฏว่าไม่ มาเห็นคนต่อต้าน มาเห็นคนสนับสนุน มาเห็นคนไปดูไก่ทอด มาเห็นคนไปดูอะไรต่อมีอะไร
ผมนึกคำภาษาไทยไม่ออกแต่คำในภาษาอังกฤษมันมีคอนฟลิกมาก ไอ้ความขัดแย้งอันนี้ขอบคุณที่บอก ไอ้ความขัดแย้งอันนี้ที่มัน ความขัดแย้งของคนในชุมชนเนี่ยะมันเป็นจุดเริ่มต้น มันมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งอันใหญ่ เวลาเด็กนักเรียนสองคนตีกันมันไม่จบที่สองคนมันไม่เคยจบที่สองคนเลย
ไอ้คนหนึ่งที่ถูกตี และสู้เค้าไม่ได้ก็ไปหาพวกซึ่งอยู่ใกล้ หรือพวกที่มันไกลมาเป็นสามคนห้าคนเจ็ดคนแปดคน และในที่สุดก็ไปถล่มไอ้พวกที่ชนะ ไอ้พวกที่ชนะสู้ไม่ได้ก็ไปเอาพวกมาและในที่สุดก็เป็นการทะเลาะกันวงใหญ่
เราต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการมองไปให้ไกลถึงอนาคต เราต้องคิดอย่างนี้นะครับ การไฟฟ้าเป็นหน่วยงานของประเทศ ใช่ ใช่นะครับ และเราอยู่ในประเทศนี้ ถ้าให้ผมพูดภาษามุสลิม ผมยึดหนังสือเล่มนี้ (คัมภีร์อัลกุรอาน) อาจจะเล่มเล็กไปเล่มนี้เป็นเล่มพกติดตัวแต่เล่มใหญ่คือเล่มนี้ ถ้าพูดตามภาษามุสลิมก็คือว่า จะไปอยู่ที่ไหนก็ตามแต่อย่าทำให้ที่นั่นเสียหาย
ผมพูดสำหรับการไฟฟ้าด้วย เราอย่าลืมนะครับเมื่อกี้ผมพูดว่าการไฟฟ้าเป็นของรัฐบาล ใช่ แต่การไฟฟ้าสำหรับที่นี่การไฟฟ้าเป็นคนที่อื่นนะครับเพราะฉะนั้นเมื่อการไฟฟ้ามาจากที่อื่น และจะมาจัดการให้แก่คนที่นี่การไฟฟ้าอย่าทำให้คนที่นี่แตกกัน นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาในศาสนาก็บอกกัน อย่าทำให้ใครแตกกัน ในศาสนาพุทธอาจจะพูดง่ายมาก ในอิสลามพูดชัดเจน พูดชัดเจนมากนะครับผมไม่ใช่อิสลามนะครับแต่ว่าผมพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวตลอดเวลาก็เพราะผมเติบโตมากับคนพวกนี้ ผมอยู่กับคนพวกนี้ผมเข้าใจคนพวกนี้
ท้ายที่สุดกลายเป็นว่าผมมาพูดเรื่องโรงไฟฟ้า ซึ่งจำเป็นผมไม่ได้ต่อต้านนะครับผมยืนยันว่าผมไม่ต่อต้านการไฟฟ้า ทำไมผมถึงไม่ต่อต้านเพราะเพื่อนรักผมคนหนึ่งทำงานประชาสัมพันธ์ให้แก่การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อนรักของผมคนนี้บัดนี้เกษียณอายุแล้ว แต่ก่อนเกษียณอายุราชการเค้าเคยประจำอยู่ที่บางลาง มาที่จะนะ และท้ายที่สุดก็ไปที่อะไร ทางเหนือชื่ออะไร แม่เมาะ เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรักของผม
เพื่อนรักของผมไปอยู่แม่เมาะได้ไม่นานเป็นมะเร็งปอดครับ แม้แต่คนของการไฟฟ้าก็เป็นมะเร็งปอดได้ นับประสาอะไรเราไม่ใช่คนการไฟฟ้าเราจะไม่เป็นมะเร็งปอดถ้าไปอยู่ในโรงงานถ่านหิน ผมไม่คัดค้านที่การไฟฟ้าจะไปสร้างโรงไฟฟ้าแต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะใช้เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วด้วยถ่านหิน
สมมติว่าวันนี้ผมได้เป็นนายกรัฐมนตรีสัก 15 นาที ไม่ต้องมาก สิ่งที่ผมจะทำอย่างแรกก็คือ เซ็นยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในอำเภอเทพา และทั่วประเทศไทย (เสียงปรบมือ) ผมเซ็น 15 นาทีจบเสร็จผมก็ออกจากนายกรัฐมนตรี แต่บังเอิญผมไม่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีแม้แต่สักวินาทีเดียวผมจึงทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่บอกว่า เราควรที่จะพยายามหาเหตุผลจะบอกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน มันล้าสมัยไปแล้วสำหรับยุคนี้
ถึงแม้จะมีวิวัฒนาการอื่นๆ เช่น บอกว่า ฟอกอากาศได้ อะไรต่อมิอะไรได้ ทำให้ไม่เป็นพิษได้ โอ้ว อย่าไปเชื่อเลยครับ มันอาจจะจริงสักครึ่งหนึ่งแต่ถ้าเผื่อว่ามันไม่จริงละ หรือมันพลาดไปอย่างกับที่เกิดขึ้นกับนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นละ เชอโนบิลละเกิดอะไรขึ้น แล้วเราด้อยกว่าเขาในทุกเรื่องของเทคโนโลยี เทคโนโลยีของเราทุกอย่างเราเอาของเขามาใช้ทั้งหมด ไม่มีอะไรสักอย่างเดียวที่เราคิดเองเราไปซื้อของเขามาทั้งหมด ถามว่าทำไมเราไม่สร้างคนของเราเพื่อจะคิดเองบ้าง ทำไม
เอาละครับผมกินเวลาของเสวนาไปมากพอสมควรแล้วเพราะเดี๋ยวจะมีเสวนาต่ออีก ดังนั้น สรุปก็คือว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดนี่มันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะนะครับเพราะว่าผมไม่ได้พูดสิ่งซึ่งผมเตรียมไว้ แต่ผมก็ดีใจที่ได้พูดซึ่งในสิ่งที่ผมไม่ได้เตรียมไว้ก็คือเรื่อง กฟผ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ข้อสรุปก็คือผมพูดมาเกือบชั่วโมงนะครับแต่ผมอยากจะสรุปสั้นๆ นะครับ ผมขอร้องไปยังการไฟฟ้า ขอร้องไปยังรัฐบาล และขอร้องไปยังนายกรัฐมนตรีขอให้ทบทวนเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ไม่ใช่เฉพาะที่อำเภอเทพา แต่ทั่วประเทศเพราะมันล้าสมัยไปซะแล้วและทำให้ ทำให้ผู้คนแตกแยกกัน การปกครองประเทศโดยทำให้ผู้คนแตกแยกกันเป็นการปกครองประเทศที่ล้มเหลวที่สุด
ผมหวังว่ารัฐบาลไม่ต้องการล้มเหลว ดังนั้น จึงขอให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่ ผมขอได้แค่นี้ละครับ ศิลปินแห่งชาติตัวเล็กๆ ถึงแม้จะตัวโตก็อะไรไม่ได้มากไปกว่านี้นะครับ ผมขอบคุณท่านทั้งหลายที่กรุณาฟังเรื่องซึ่งอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่อง ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)
ที่จริงผมก็มีของที่จะมอบให้นายอำเภอนะครับ ผมเตรียมมาจากบ้าน ผมเตรียมมาจากกรุงเทพฯ และผมคิดว่าบังเอิญผมเพิ่งทราบว่านายอำเภอเป็นมุสลิมนะครับ ผมคิดว่าด้วยสิ่งที่ผมจะมอบให้ท่านนายอำเภอนะครับสิ่งที่ผมหวังสำหรับอำเภอเทพาจะประสบความสำเร็จด้วยดีเพราะว่าทันทีที่นายอำเภอรับสิ่งนี้ไปแล้วนายอำเภอจะทำอะไรนอกลู่นอกทางไม่ได้เลย (เสียงหัวเราะ) ผมขอมอบพระคัมภีร์อัลกุรอานเล่มสำคัญให้แก่นายอำเภอเทพาครับ (เสียงปรบมือ)