ปลัด มท.ย้ำ ‘จังหวัด’ ต้องอยู่ข้าง ปชช. ฮึม! ห้ามเกิดเหตุซ้ำรอย ‘ชาวเลราไวย์’ (28 ม.ค. 59)
Green News 28 มกราคม 2559
ปลัด มท.ย้ำ ‘จังหวัด’ ต้องอยู่ข้าง ปชช. ฮึม! ห้ามเกิดเหตุซ้ำรอย ‘ชาวเลราไวย์’
ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทำแผนรับมือเรื่องกรรมสิทธิที่ดินทับซ้อน ย้ำจังหวัดต้องดูแลประชาชน สั่งห้ามเกิดเหตุซ้ำรอยชาวเลภูเก็ตอีก
ภายหลังเกิดเหตุชายฉกรรจ์กว่า 100 ราย พร้อมรถสิบล้อและแบคโฮ เข้ามาปิดล้อมทางสัญจรของชุมชนชาวเลดั้งเดิม ในชุมชนชาวไทยใหม่ ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมทั้งใช้กำลังเข้าปะทะจนทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บร่วม 10 ราย ในช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2559
บรรยากาศในชุมชนตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 28 ม.ค.2559 ชาวเลราไวย์ไม่ต่ำกว่า 500 ราย ได้ทำพิธีอัญเชิญกระดูกบรรพบุรุษที่รับมอบคืนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อกลางปีที่ผ่านมา มาไว้ยังประตูทางเข้าออกที่ดินพิพาท เพื่อขอให้บรรพบุรุษปกป้องดูแล
นอกจากนี้ ตัวแทนชาวเลราไวย์ ยังได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ผ่านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และเตรียมจะเดินทางมาร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในอีก 1-2 วันนี้
ทางด้าน นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดถึง ผวจ.ทุกจังหวัด ให้วางแนวปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา หากเกิดปัญหาที่คู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรืออ้างว่าตัวเองถูกละเมิดสิทธิ์ โดยให้ ผวจ.ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้าไปแก้ไขปัญหาโดยเคร่งครัด และทันต่อเหตุการณ์เพื่อป้องกันไม่ให้คู่กรณีเข้าไปใช้กำลังแก้ไขปัญหากันเอง
“หากมีการตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานใดเข้าไปให้การสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น ให้ ผวจ.แจ้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นทราบทันที”นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า จังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนจะไม่ยินยอมให้บุคคลใดๆ อ้างสิทธิต่างๆ แล้วไปกระทำผิดกฎหมายหรือก่อเหตุรุนแรงขึ้น ซึ่งจังหวัดจะใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ นำกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าไปดำเนินการจับกุมและแก้ไขปัญหาอย่างเฉียบขาดมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ขอให้ทุกคนเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ห้ามกระทำผิด และละเมิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อนึ่ง เหตุความรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2559 เมื่อชายฉกรรจ์กว่า 100 ราย ซึ่งเป็นคนงานของบริษัทฯ ปะทะกับชาวบ้านซึ่งเป็นชาวเลดั่งเดิม เป็นเหตุให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บกว่า 10 ราย โดยสาเหตุสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2559 บริษัทฯ ได้นำเครื่องจักรเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ โดยมีกำลังตำรวจและทหารคุ้มกัน
จนกระทั่งในช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2559 ขณะที่กลุ่มชาวบ้านต้องการเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กลับพบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 100 ราย พร้อมทั้งนำรถสิบล้อบรรทุกก้อนหิน และรถแบคโฮ เข้ามาปิดกั้นทางเข้าออกที่ชาวบ้านใช้อยู่เป็นประจำ จนนำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น