ไทย-เมียนมาร์ชื่นมื่นเสนอแผนความร่วมมือ 4 สาขา (23 ก.ค. 55)

เดลินิวส์ออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 
ไทย-เมียนมาร์ชื่นมื่นเสนอแผนความร่วมมือ 4 สาขา

ไทย-เมียนมาร์ชื่นมื่น ไทยเสนอแผนความร่วมมือ 4 สาขาหลัก เห็นพ้องเชื่อมท่าเรือทวายกับแหลมฉบังเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ พร้อมเสนอจุดผ่านแดนถาวร 4 ด่านหวังพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนเพิ่มขึ้น
 
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี และนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ได้แถลงข่าวร่วมกันภายหลังหารือทวิภาคีและเต็มคณะ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประธาธิบดีเมียนมาร์ที่ร่วมกันผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ให้คืบหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมถึงการจ้างแรงงานในเมียนมาร์และไทย และการปราบปรามยาเสพติด โดยไทยและเมียนมาร์จะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 65 ปี ในปี 2556  ทั้งนี้ไทยพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับเมียนมาร์เพิ่มเติม ซึ่งตนได้ย้ำถึงความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-เมียนมาร์ หรือเจซี ที่เมียนมาร์จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งต่อไป และยังเสนอให้มีการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพเมียนมาร์-ไทย คู่ขนานไปกับสมาคมไทย-เมียนมาร์เพื่อมิตรภาพที่ฝ่ายไทยได้จัดตั้งขึ้นแล้ว นอกจากนี้ตนยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีกับการพัฒนาการในเมียนมาร์  และพร้อมที่จะสนับสนุนเมียนมาร์อย่างเต็มที่ โดยไทยได้เสนอแผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา 4 สาขาหลัก คือ 1.การเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรของเมียนมาร์ 2.การเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานอาเซียนของเมียนมาร์ในปี 2557 3.การปฏิรูปเศรษฐกิจและพัฒนาทางเลือก และ 4.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ตนยังได้ยืนยันในความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการร่วมกันผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันที่จะเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวาย เข้ากับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ และภูมิภาค และทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับรัฐมนตรี ซึ่งจะประชุมร่วมกันในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่คั่งค้าง และแนวทางในการพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกัน รวมถึงการดูแลให้ความสำคัญกับชุมชนในพื้นที่อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนเพิ่มมากขึ้น โดยตนเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มอีก 3 จุด ได้แก่ จุดผ่านแดนกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ จุดผ่านแดนฮ้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน จุดผ่านแดนด่านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี และไทยกำลังพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนที่ด่านตะโกบน จ.ราชบุรีด้วย
 
 “เชื่อมั่นว่าด้วยความตกลงเหล่านี้ และผลสำเร็จของการเยือนครั้งนี้ จะช่วยทำให้การพัฒนาการด้านความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมาร์ในด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ตกลงที่จะร่วมมือพัฒนาการผลิตข้าวของเมียนมาร์ และได้หารือถึงความร่วมมือด้านแรงงาน ซึ่งฝ่ายไทยรับที่จะดูแลแรงงานเมียนมาร์ด้วยความเป็นธรรม และมีสิทธิภายใต้กฎหมายไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
 
ขณะที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมหารือด้วยมิตรภาพซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง  2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ขอขอบคุณประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองการปกครองของเมียนมาร์ให้ก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเมียนมาร์ขอยืนยันว่าเราพร้อมและมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าในการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจต่อไป นอกจากนี้ก็จะเร่งในการพัฒนาบุคคลากร เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการประสานการติดต่อระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือเรื่องของท่าเรือน้ำลึกทวายและโครงการของอีสเทิร์นซีบอร์ด.