คพ.แพ้คดีห้วยคลิตี้ จ่ายชดเชย 3.8 ล้านบาท (10 ม.ค. 56)

เดลินิวส์ออนไลน์ 10 มกราคม 2556
คพ.แพ้คดีห้วยคลิตี้ จ่ายชดเชย3.8ล้านบาท

จบคดีคลิตี้ ศาลปกครองสูงสุดสั่ง คพ.จ่ายค่าชดเชยชาวบ้าน 22 ราย ร่วม 3.8 ล้านบาท พร้อมให้เร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และเปิดเผยผลตรวจสอบคุณภาพดิน-น้ำ –สัตว์น้ำ-พืชผัก”อย่างน้อย 1 ปี

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่สำนักงานศาลปกครอง ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีการปล่อยน้ำเสียซึ่งมีสารตะกั่วเจือปนในลำห้วยคลิตี้ คดีดำที่ อ.597/2551 ระหว่างนายยะเสอะ นาสวนสุวรรณ ที่ 1 กับพวกรวม 22 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับกรมควบคุมมลพิษ หรือ ค.พ.(ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของ รัฐอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายค่าเสียหายให้กับผู้ ฟ้องคดีทั้ง 22 ราย ๆ ละ 177,199.50 บาท และจากนี้ให้กรมควบคุมมลพิษเร่งจัดทำแผนเพื่อฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในหมู่ บ้านคลิตี้ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และให้มีการตรวจสอบคุณภาพดิน น้ำ สัตว์น้ำในลำห้วย และ พืชผักที่ประชาชนเพาะปลูกทุกฤดูกาล และแจ้งผลให้ประชาชนทราบข้อมูลด้วยการติดประกาศทั้งในหมู่บ้าน ตำบล  อบต. อำเภอ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูล อย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี และให้มีการบำบัดฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จนกว่าสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อมจะเข้าสู่ ค่ามาตรฐาน

ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องว่ากรมควบคุมมลพิษละเลยการฟ้องร้องเรียกค่าเสีย หายจากบริษัทตะกั่วคนเซ็นเตรทส์นั้น ศาลขอยกคำฟ้องเพราะทางกรมควบคุมมลพิษได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับศาล จ. กาญจนบุรีแล้ว โดยศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทตะกั่วคอนเซ็นเตรทส์จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเป็น เงิน 6 ล้านบาท

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวแทนชาวบ้านที่เข้าร่วมรับฟังการตัดสินคดี พอใจกับคำตัดสินดังกล่าว โดยนายสุรชัย กล่าวว่า จากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการภาคประชาชน ประกอบด้วยนักวิชาการ นักกฎหมาย และชาวบ้านในพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ของกรมควบคุม มลพิษ ทั้งนี้ที่ผ่านมาแม้จะมีชาวบ้านร่วมเป็นกรรมการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ข้อมูลที่ชาวบ้านได้รับเป็นข้อมูลในเชิงวิชาการที่ยากต่อการทำความเข้าใจ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ เท่ากับชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมเลย ทั้งนี้คณะกรรมการภาคประชาชนที่ตั้งขึ้นมาจะเน้นทำงานด้านการตรวจสอบมาตรการ ในการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ของกรมควบคุมมลพิษ

ด้านนายนายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา กล่าวว่า พอใจคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในเรื่องค่าชดเชยความเสียหายที่รวมแล้วเป็น เงินกว่า 3.8 ล้านบาท มากกว่าที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำตัดสิน แต่ขอเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษรีบเร่งเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ตามคำสั่งศาลโดย เร็ว เพราะชาวบ้านจะไม่สามารถแบกรับภาระในการดำรงชีพต่างๆ ต่อไปได้ หากสภาพแวดล้อมยังไม่กลับคืนสู่ปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวนายยะเสอะ กับพวก รวม 22 คน โดยนายสุรชัย ตรงงาม ผู้รับมอบอำนาจฟ้องว่า กรมควบคุมมลพิษไม่ตรวจสอบการประกอบกิจการบริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ผู้ฟ้องร้องคดีร้องขอ เนื่องจากบริษัทปล่อยน้ำเสียซึ่งมีสารตะกั่วเจือปนในลำห้วยคลิตี้ เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องร้องคดีและราษฎรได้รับความเสียหาย โดยขอให้ผู้ฟ้องร้องคดีปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเข้าดำเนินการกำจัดมลพิษและ ฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ โดยเรียกค่าใช้จ่ายจากบริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ ผู้ก่อมลพิษในภายหลังและกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการคุ้มคร้องสิทธิและส่ง เสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Download attachments:           dailynews_jan102013.jpg