เจาะลึกท่าเรือทวาย: ตอนที่ 3 เปิดแผนมือเศรษฐกิจรัฐบาล ทวายหมากเด็ดตะลุยอินเดีย อนาคตอีก 30 ปีไทย (17 ส.ค. 55)
ไทยรัฐออนไลน์ 17 สิงหาคม 2555
เจาะลึกท่าเรือทวาย: ตอนที่ 3
เปิดแผนมือเศรษฐกิจรัฐบาล ทวายหมากเด็ดตะลุยอินเดีย อนาคตอีก 30 ปีไทย
หากมองอนาคต 30 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกจะเป็นเช่นไร สิงคโปร์ยังเป็นฮับสำหรับเอเชียอยู่หรือไม่ ท่าเรือทวายที่ไทยกับพม่าร่วมมือกันลงทุนจะคุ้มค่าหรือไม่ เกิดประโยชน์เช่นไร คงจะไม่มีใครตอบได้แบบชัดเจน ทุกคนทำได้เพียงแค่ทำนายว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่หากเปิดแนวคิดของมือเศรษฐกิจรัฐบาล สมัย "ทักษิณ ชินวัตร" เรื่อยมาจนถึง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แล้ว อาจจะพอเห็นเค้าโครงแนวทางต่อไปของเศรษฐกิจไทยและอนาคตที่สดใสของท่าเรือทวายเป็นเช่นไร
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมองอนาคต 10 10 10 รวม 30 ปีล่วงหน้า ไทยจะต้องเตรียมทำอะไรในอนาคต สำหรับ 10 ปีแรก คือการเจริญเติบโตเศรษฐกิจของเอเชียโดยเฉพาะชมพูทวีปซึ่งจะค่อยๆ เติบโต แต่ประเทศขนาดใหญ่อย่างอินเดีย แม้จะใช้คำว่าค่อยๆ แต่มูลค่าจะมหาศาล ดังนั้นชมพูทวีปติดต่ออาณาเขตไปยังยุโรปจึงเป็นเขตที่น่าสนใจในอนาคต ยุโรปคือเศรษฐกิจเก่าที่จะต้องแก้ปัญหาตัวเองสัก 5-7 ปี ชมพูทวีปจะโตขึ้นเรื่อยๆ หยุดไม่ได้แม้จะโตช้ากว่าจีนก็ตามเพราะฉะนั้นท่าเรือทวายจะเป็นทางลัดให้ความสะดวกที่ดีมากสำหรับสินค้าจากประเทศไทยที่จะส่งไปให้อินเดียโดยเฉพาะฝั่งจาการ์ตา เพราะก่อนหน้านี้เวลาจะส่งสินค้าให้อินเดียจะต้องอ้อมมหาศาล
"หากไทยนำเหล็กจากอินเดียลงผ่านทางฝั่งจาการ์ตามาโรงงานอุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ในกระบวนการปัจจุบันค่าโลจิสติกส์จะสูงมากเพราะฉะนั้นจึงทำให้มีประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ที่ดีที่จะทำให้เราสามารถยืดการลงทุนยืดคุณค่าของการลงทุนของวงจรอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยได้ ทวายจึงมีความสำคัญ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำแคชโฟล์ให้กับพม่าโดยเก็บค่าต๋งค่าใช้ท่าเรือ เหมือนสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่เก็บค่าการใช้ท่าเรือ ก็ถือเป็นแคชโฟล์ที่ดีที่จะเพิ่มใช้สำหรับจะไปลงทุนการก่อสร้างของเค้าด้วยอันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ"
นายพันศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในอนาคตหลังเกิดท่าเรือทวาย สิงคโปร์จะยังเป็นฮับอยู่แต่จะเป็นการแบ่งกันไปว่า อะไรที่มาจากอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย จะไปลงที่สิงคโปร์ แต่หากพูดถึงในอนาคตไทยจะมีรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อถึงสิงคโปร์ได้ และสิ่งของที่โลกต้องการจะเป็นของที่เบาไม่ใช้พลังงานมากในการเคลื่อนย้าย ในอนาคต 10 10 10 ปีข้างหน้าสิงคโปร์จะเป็นทางลงของสินค้าที่มากับเรือ สินค้าบางอย่างจะมีสัดส่วนที่มากและเบาขึ้น เช่น อะไหล่รถยนต์ จะสามารถขนผ่านรถไฟความเร็วสูงได้ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงของสิงคโปร์จะเข้าจีนได้โดยผ่านไทย และในส่วนของมหาสมุทรอินเดียเลยไปถึงยุโรปแน่นอนว่าท่าเรือทวายจะกลายเป็นฮับอย่างแน่นอน
"มูลค่าเศรษฐกิจจะมหาศาลจนผมไม่อยากจะคำนวณ และสินค้าที่น่าสนใจคือ รถและของกินของใช้ที่เราต้องการส่งเข้าอินเดียซึ่งไม่ใช่สินค้าที่มีมูลค่าสูงและเหมาะสมกับอินเดีย เหมาะสมกับเศรษฐกิจที่เริ่มเจริญเติบโตก็เป็นของกินที่ไม่แพงนัก แต่ของไทยมีคุณภาพต่อราคาอันนี้เตรียมขายกันเถอะขายดีแน่"
ส่วนสิ่งที่รัฐบาลไทยจะต้องลงทุนเพื่อให้เชื่อมโยงกับท่าเรือทวาย นายพันศักดิ์ กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงและถนน แต่ทางพม่าจะจ่ายเองด้วยไม่ใช่ไทยลงทุนอย่างเดียว ซึ่งโดยส่วนตัวคาดว่าน่าจะเป็นการจ้างที่ปรึกษาไม่ใช่ไทยกับพม่าแต่ก็ต้องรอดูต่อไป ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 5 ปีคงจะได้เห็นภาพนี้ และคงจะเสร็จพร้อมๆ กับรถไฟความเร็วสูงของไทย ซึ่งตอนนั้นไทยจะบูมมาก อย่างไรก็ตามก็หวังว่าถึงเวลานั้นไทยจะเลิกทะเลาะกับเขมรและได้พลังงานมาใช้ใหม่อีก 30 ปี ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทยก็จะน่ารักน่าใคร่มาก
จากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้าเราคงต้องช่วยกันจับตามองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ท่าเรือน้ำลึกทวายจะเกิดและเจิดจรัสดั่งเช่นคำทำนายของเหล่ากูรูจากทั่วทุกวงการที่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องที่สุดที่ประเทศไทยควรจะไขว่คว้าโอกาสในครั้งนี้ เหมือนแต่ครั้งเก่าก่อนที่ไทยได้ทำสำเร็จจากท่าเรือแหลมฉบังที่ทุกคนมองไม่เห็นภาพว่าจะยิ่งใหญ่ได้อย่างเช่นทุกวันนี้