เอ็กโกฯ ลั่นเข้าประมูล IPP 6 โรง ฟุ้งกำไรปีนี้พุ่งเกินเป้า 5 พันล้านบาท (21 ส.ค. 55)

 ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2555 
เอ็กโกฯ ลั่นเข้าประมูล IPP 6 โรง ฟุ้งกำไรปีนี้พุ่งเกินเป้า 5 พันล้านบาท

เอ็กโก กรุ๊ปลั่นเข้าร่วมประมูลไอพีพี จ่อยื่นประมูล 6 โรง โรงละ 900 เมกะวัตต์ โดยใช้พื้นที่โรงไฟฟ้าระยองเดิม ส่วนการลงทุนในต่างประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณา 5-6 โครงการ แย้มจับมือพันธมิตรประมูลไอพีพีที่อินโดฯ ขนาด 600-1,000 เมกะวัตต์หลังปูฐานซื้อเหมืองถ่านหิน และขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอนอีก 500 เมกะวัตต์ ปลื้มปีนี้กำไรพุ่งเกินเป้า 5,000 ล้านบาท เหตุรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเควซอน
       
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยทิศทางการลงทุนในครึ่งหลังปี 2555 ว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่นี้ที่คาดว่าจะประกาศรับซื้อในปลายปีนี้ โดยจะยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพี 6 โรง โรงละ 900 เมกะวัตต์ใน 3 พื้นที่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือใช้พื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าระยองเดิมที่กำลังหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 2557 ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อขอต่อสัญญาซื้อขายไฟสำหรับโรงไฟฟ้าระยองที่จะหมดสัญญาลง แต่ไม่ได้รับคำตอบ เชื่อว่า กฟผ.คงไม่ต่อสัญญาฯ ให้ ดังนั้นจึงจะยื่นประมูลไอพีพีโดยใช้พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีความได้เปรียบเพราะชุมชนในพื้นที่มีความเข้าใจดี
       
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ยื่นขอทำโรงไฟฟ้าพลังลม 100 กว่าเมกะวัตต์แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้น่าจะได้รับอนุมัติ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ก็ได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมทุนด้วยเช่นกัน
       
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ดูโอกาสการลงทุน 5-6 โครงการทั้งลาว มาเลเซีย เวียดนาม พม่า รวมไปถึงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมที่ออสเตรเลียและโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่มองโกเลียด้วย โดยมีเงื่อนไขการลงทุนต้องมีผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 10% โดยบริษัทฯ สนใจเข้าไปลงทุนร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเดิมของพม่าที่ยะไข่ป้อนไฟให้ประชาชนในพื้นที่
       
ส่วนการเข้าไปลงทุนในธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียนั้น บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท พีที อลัม การ์ยา นูซันทารา โดยเอ็กโกถือหุ้น 40% เพื่อเป็นการปูฐานสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย ซึ่งพันธมิตรท้องถิ่นดังกล่าวได้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าที่อินโดนีเซียอยู่แล้ว และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอีก 440 เมกะวัตต์ ล่าสุดรัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมประกาศรับซื้อไฟฟ้าไอพีพีในปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ สนใจเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนในการเข้าประมูลสร้างโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาด 600-1,000 เมกะวัตต์ โดยเอ็กโกจะถือหุ้นต่ำกว่า 50%
       
นายสหัสกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจมีกำไรสุทธิเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท แต่คงไม่เกิน 8,000 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเควซอนที่ฟิลิปปินส์ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มจนปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 98% และมีแผนจะขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มอีก 500 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟกับบริษัทลูกของการไฟฟ้าฟิลิปปินส์ในการรับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขจะขอเข้าร่วมทุนด้วย 50% คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 4/2555 และรับรู้รายได้จากเหมืองถ่านหินที่อินโดฯ บางส่วน โดยปีนี้เหมืองถ่านหินจะผลิตได้ 1.2 ล้านตัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านตันในปี 2559
       
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทใน 7 ปีข้างหน้าเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 9 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 1,483 เมกะวัตต์ เช่น โรงไฟฟ้าขนอม 900 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี ส่งผลให้ปี2563 เอ็กโกฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 6,191 เมกะวัตต์